ขึ้นต่อ ความคาดหวังดีลการค้าสหรัฐฯ - จีน ยังหนุนตลาด

ขึ้นต่อ ความคาดหวังดีลการค้าสหรัฐฯ - จีน ยังหนุนตลาด

ทางขึ้นของ SET Index จะยังจำกัด ด้วยความไม่แน่นอนต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และจีนในวันที่ 10-11 ต.ค.

KGI ประเมิน SET Index วันอังคารบวกต่อ... หลังเมื่อวานนี้ดัชนีฯ ฟื้นตัว (ตามคาด) แต่แรงซื้อกระจุกอยู่ในหุ้นไม่กี่ตัว และวอลุ่มซื้อขายของตลาดยังต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท สะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อปัจจัยต่างๆ... สำหรับปัจจัยที่น่าจะหนุน SET Index ต่อในวันนี้ ได้แก่ i) ความคาดหวังว่าสหรัฐฯและจีนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในปลายสัปดาห์นี้ ยังอยู่ในตลาด และ ii) เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกมาเป็นผู้ซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ แม้ว่าจะซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อยก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นจีนจะเปิดทำการในวันนี้หลังจากหยุดยาวช่วง 'Golden Week' และการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนวันนี้น่าจะมีผลต่อจิตวิทยาหุ้นเอเชียเช่นกัน อย่างไรก็ดี ทางขึ้น ของ SET Index จะยังจำกัด ด้วยความไม่แน่นอนต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และจีนในวันที่ 10-11 ต.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากล่าสุดเช้าวันนี้ ทางการสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีของจีน 8 แห่ง ในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นประเด็นข่าวที่ไม่ดีนักก่อนหน้าการเจรจาการค้า ด้านปัจจัยภายในประเทศ การประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อวานนี้ ยังไม่มีการประกาศมาตรการเพิ่มเติมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่รมว.ท่องเที่ยวชี้ว่าในการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 11 ต.ค. น่าจะมีการพิจารณาและประกาศมาตรการภาคท่องเที่ยวเพิ่มเติม เน้นการกระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้าไทย (inbound tourists arrival)

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร AOT*, DELTA*

- AOT* (เป้า Consensus 79 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 73 บาท / แนวต้าน 75 - 77 บาท (Stop loss 72.5 บาท) 2) จำนวน Passenger ของสนามบินเดือน ก.ค. - ส.ค. เริ่มเห็นภาพการกลับมาเติบโตแบบ YoY (2 เดือนรวมโต +1.79% YoY ขณะที่เดือน ส.ค.โต 3.82% YoY) หลังจากที่ชะลอตัวลงในไตรมาสก่อนหน้า (เม.ย.-มิ.ย. ลดลง -0.11% YoY) 3) คาดว่าจำนวน Passenger เดือน ก.ย.จะยังเติบโตต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ผลจากฐานตํ่าปีก่อน) ขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศที่ยังชะลอตัวในเดือน ก.ค.-ส.ค. (-3.15% YoY) คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังมาตรการภาครัฐฯเริ่มมีผลในเดือน ต.ค. และลุ้นมาตรการท่องเที่ยวเพิ่มเติมเร็วๆนี้

- DELTA* (เป้าพื้นฐาน 57 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 50 บาท / แนวต้าน 54 บาท (Stop loss 47.5 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ใกล้จุดตํ่าสุดแล้ว และปริมาณสินค้าคงคลังของผู้ประกอบการหลายรายลดต่ำมาก คาดจะมีการ Restock สินค้าเร็วๆนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อ 3) ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน วันที่ 10 - 11 ต.ค. นี้คาดเป็น Sentiment บวกต่อภาพรวมกลุ่มการส่งออก 4) PE ไม่แพง ราว 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตที่ 16 เท่า ขณะคาดกำไรปี 2563 กลับมาโต +7.8% YoY

หุ้นเชิงปริมาณ & พื้นฐาน "Quantamental"

- หุ้นเด่นเดือน ต.ค.2562: Valuation ของ SET index ในมุมของ Forward PE และ Yield gap ไม่ต่างจากเดือนก่อนหน้ามากนัก หุ้นไทยไม่ได้แพงมาก (Relative valuation กับตลาดพันธบัตร) แต่ Sentiment ลบจากการปรับลดประมาณการฯโดย Consensus ยังอาจเป็นตัวกดดัน (เดือน ก.ย. EPS ของ SET index ถูกปรับลด -1.4%% MoM) คาดตลาด Sideway รอปลดล๊อกเรื่องความกังวลสงครามการค้า ช่วยหนุน Valuation ให้พรีเมี่ยมในระยะสั้น ประเมินแนวต้าน 1660 จุด / แนวรับ1600 จุด หุ้นเด่นเลือก DELTA (Stop loss 47.5 บาท), JASIF (Stop loss 10.2 บาท)

- กลยุทธ์ Pair trade: แนะนำ "ล็อกกำไร" คู่ Pair trade Long STEC* + Short CK* (กำไร +8.4% ตั้งแต่ที่เราแนะนำ) / และแนะนำคงสถานะ i) Long KBANK* + Short BBL* (กำไร +0.8%), ii) และแนะนำ Long MTC* / Short SAWAD* (กำไร +3.4%) ... แนะนำปิดสถานะตัดขาดทุน หากผลตอบแทนรวมของกลยุทธ์ขาดทุนเกิน -5%

หุ้นมีข่าว

(+) BTS* จะทดสอบการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือเพิ่มอีก 4 สถานีตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2562 (บางกอกโพสต์) เราเห็นว่า แผนการเปิดให้บริการเพิ่มอีก 4 สถานี (ได้แก่สถานีพหลโยธิน-รัชโยธิน 24-เสนานิคม-มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือ N10-N13) เป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่องของธุรกิจการเดินรถไฟฟ้าในระยะต่อไป หลังจากเริ่มเปิดทดลองสถานีห้าแยกลาดพร้าวเมื่อเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ บ. กรุงเทพธนาคม (ผู้กำกับดูแลสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าของ กทม.) คาดการณ์ว่า การเปิดให้บริการถึงสถานี ม. เกษตรฯ จะทำให้จำนวนผู้โดยสารของสายสีเขียวเพิ่มสู่ระดับ 100,000 คน/วัน อีกทั้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 คน/วัน เมื่อเปิดให้บริการถึงสถานีคูคต เรายังคงแนะนำซื้อ BTS โดยมีราคาเป้าหมายเท่ากับ 14.00 บาท

(-) อสังหาฯเปิดศึก 'หั่นราคา' ระบายสต็อก (กรุงเทพธุรกิจ) "คอลลิเออร์ส" เตือนโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีนี้อสังหาฯ ซัพพลายใหม่เติมตลาดเพิ่ม 1.7 หมื่นยูนิต ผู้ประกอบการดิ้นอยู่รอด หั่นราคาปาดหน้าคู่แข่งอย่างต่ำ 10% จับตาสายสีน้ำเงินซัพพลายเหลือ 8 พันยูนิต จ่อเปิดเพิ่มอีก 6 พันยูนิต หวั่นรายเก่าขายไม่ออกเป็นสต็อกค้างในตลาด

(+) RATCH* จ่อปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าปีนี้ เตรียมลุยลงทุนทุกรูปแบบในเวียดนามปีหน้า (ข่าวหุ้น) RATCH* จ่อปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่มี PPA แล้วอย่างน้อย 1 โครงการภายในสิ้นปีนี้ พร้อมลุยลงทุนโรงไฟฟ้าทุกรูปแบบในเวียดนามคาดชัดเจนปีหน้า นอกจากนี้จ่อสรุปพันธมิตรร่วมทุนโรงไฟฟ้าหินกอง 1,400 เมกะวัตต์ในเร็วๆ นี้

(0) BGRIM* ขายหุ้นกู้ 6 พันล.ขยายธุรกิจ (กรุงเทพธุรกิจ) "บี.กริม พาวเวอร์" ยื่นไฟลิ่งก.ล.ต.เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ วงเงิน 6 พันล้าน เสริมแกร่งโครงสร้างการเงิน พร้อมลุยพัฒนา โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ คาดเสนอขาย 19-21 พ.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปีใน 5 ปีแรก

(+) RSP อัดฉีด 121 ล้าน ซื้อหุ้นคืน 27 ล้านหุ้น บริหารสภาพคล่อง (ทันหุ้น) บอร์ด RSP ไฟเขียวทุ่มงบ 121.50 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนจำนวน 27 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.51% ระหว่างวันที่ 5-14 พฤศจิกายนนี้ ในราคา 4.50 บาท หวังบริหารสภาพคล่องส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพ

(+) ORI เปิดมิกซ์ยูส โปรเจกต์ 6 พันล. (ข่าวหุ้น) "ออริจิ้น" เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส "สมาร์ท ซิตี้  รามอินทรา" มูลค่า 6,000 ล้านบาท แบ่งพัฒนา 3 เฟส "คอนโดมิเนียม-โรงแรม-พื้นที่ค้าปลีก-สำนักงาน"กำหนดเปิดให้บริการปี 65 ตั้งเป้าเพิ่มโรงแรมในพอร์ตเป็น 10 แห่ง ภายในปี 66