ดีเอสไอ เผยสำนวนป.ป.ท.ยืนยัน 'บิลลี่' ไม่เคยถูกปล่อยตัว

ดีเอสไอ เผยสำนวนป.ป.ท.ยืนยัน 'บิลลี่' ไม่เคยถูกปล่อยตัว

ดีเอสไอ เผยสำนวนป.ป.ท.ยืนยัน “บิลลี่” ไม่เคยถูกปล่อยตัว มีแนวโน้มชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษไล่ออก ขณะที่ นิติวิทย์ฯ เร่งผลตรวจดีเอ็นเอกระดูกของกลาง ปิดทุกจุดอ่อนในคดี

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงการบินสำรวจเส้นทางในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือนายบิลลี่ แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ว่า ดีเอสไอมีความจำเป็นที่ต้องพิสูจน์ทราบเส้นทางเข้าออกทุกจุดภายในอุทยานแก่งกระจาน เพื่อนำมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับคำให้การของพยานว่าในแต่ละจุดเกิดเหตุภายในช่วงเวลาต่างๆ ตรงกับข้อเท็จจริงในคำให้การหรือไม่ เนื่องจากข้อเท็จจริงในทุกจุดจะถูกหยิบมาเป็นประเด็นต่อสู้ในทางคดีได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยังไม่สามารถสรุปสำนวนการสอบสวนได้ในทันที หลังการบินสำรวจเส้นทางเพื่อนำมาประกอบกับการจำลองเหตุฆาตกรรมภาคพื้นดิน ดีเอสไอยังต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกอีก 8 ชิ้นของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แม้ว่าขณะนี้จะทราบผลพิสูจน์ว่าเจ้าของชิ้นส่วนกระดูกมีดีเอ็นเอไมโทรคอนเดียตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่ แต่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต้องการตรวจพิสูจน์ให้ได้ผลชัดเจนเพื่อระบุตัวตนของผู้ตายให้ได้ เพื่อไม่ให้คดีมีช่องโหว่ให้ผู้ต้องหานำไปใช้ต่อสู้ว่าเจ้าของกระดูกอาจเป็นเครือญาติของบิลลี่

ขณะที่แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับพยาน 20 ปากที่พนักงานสอบสวนกำหนดให้เรียกสอบปากเพิ่มเติม เป็นพยานในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ แพทย์นิติเวช และพนักงานสอบสวนชุดต่างๆ ที่ต้องให้การยืนยันในสำนวนก่อนขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล รวมถึงพ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.สำนักปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กับพวกกระทำความผิดฐานทุจริต หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่เปรียบเทียบปรับและไม่นำตัวนายบิลลี่ ซึ่งกระทำความผิดฐานลักลอบเก็บน้ำผึ้งป่า ส่งให้พนักงานสอบสวนสภ.แก่งกระจาน เนื่องจากมีสาเหตุโกรธเคืองนายบิลลี่มาก่อน ซึ่งผลสอบของป.ป.ท. ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการปล่อยตัวนายบิลลี่ และมีแนวโน้มที่ป.ป.ท.จะชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงให้ลงโทษไล่ออกกลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจาน โดยผลการไต่สวนของป.ป.ท. เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับกรมอุทยานฯ ต้นสังกัด ที่มีความเห็นเพียงว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กระทำความผิดเพียงเล็กน้อยให้ลงโทษวินัยทั่วไป