กาแฟ'ทรีอินวัน'มาแรงหนุนปลูกโรบัสตา

กาแฟ'ทรีอินวัน'มาแรงหนุนปลูกโรบัสตา

ความนิยมชมชอบในกาแฟสำเร็จรูปชนิด “ทรีอินวัน” ของชาวเอเชีย หนุนให้ประเทศผู้ผลิตกาแฟแข่งกันปลูกสายพันธุ์โรบัสตา บราซิลหวังเบียดเวียดนาม ผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโลก

เว็บไซต์นิกเคอิ รายงานอ้างข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐ ระบุ ผลผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตาของเวียดนาม ที่ใช้ทำกาแฟสำเร็จรูปผสมครีมและน้ำตาล คาดว่าจะเติบโตปีละ 0.3% มาอยู่ที่ 29.1 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 60 กิโลกรัม) ในปีการผลิต 2562-2563 หรือเพิ่มขึ้น 10% จากเมื่อ 5 ปีก่อน

ผลผลิตในอินเดียก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.1% เช่นกัน มาอยู่ที่ 4 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 4.9% จากเมื่อ 5 ปีก่อน ส่วนบราซิล ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสตาเป็นอันดับ 2 ของโลก ปีงบประมาณนี้ผลิตเพิ่ม 10% ที่ 18.3 ล้านกระสอบ คิดเป็น 25% ของผลผลิตโลกเทียบกับเวียดนามที่คิดเป็น 40%

แต่แท้จริงแล้วบรรดาผู้ค้ากาแฟเผยว่า กาแฟบราซิลกำลังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก “เมล็ดกาแฟโรบัสตาราคาถูกที่สุดตอนนี้มาจากบราซิล” โนบุอากิ อาเบะ ประธานบริษัทอีคอมเอเชีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าเมล็ดกาแฟในสิงคโปร์ให้ความเห็น พร้อมเสริมว่า เมื่อเร็วๆ นี้ลูกค้าขอตัวอย่างเมล็ดกาแฟโรบัสตาจากบราซิลมามากมาย

บราซิล เป็นประเทศผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอาราบิก้ารายใหญ่สุดของโลก คิดเป็น 40% ของตลาด สายพันธุ์นี้่ราคาแพงกว่าโรบัสตา

แต่ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกกาแฟบราซิลเผยว่า การส่งออกโรบัสตาของบราซิลก็เพิ่มขึ้นด้วย ระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค. ส่งออก 2.7 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 10% โดยประมาณจากปี 2561 ทั้งปี ผลจากโลกต้องการเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับสกุลเงินบราซิลอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปี

เมล็ดกาแฟโรบัสตานั้นให้รสชาติเข้มและขมกว่าเล็กน้อย จึงเป็นที่ชื่นชอบในเอเชียและบราซิลก็นิยมเพิ่มขึ้น สายพันธ์ุนี้ยังนิยมปลูกแถบเชิงเขาเวียดนามและอินโดนีเซียด้วย ส่วนอาราบิก้ากลมกล่อมกว่า การผลิตต้องใช้ต้นทุนสูงกว่า เพราะปลูกได้ในพื้นที่สูงที่มีแมลงศัตรูพืชน้อยกว่าเท่านั้น นอกจากบราซิลแล้วโคลอมเบียและฮอนดูรัสถือเป็นประเทศผลิตอาราบิก้ารายสำคัญ

เหตุผลหนึ่งที่บราซิลปลูกกาแฟโรบัสตามากขึ้นเพราะการบริโภคในประเทศเพิ่มสูงขึ้นมาก กระทรวงเกษตรสหรัฐคาดว่า การบริโภคกาแฟในประเทศบราซิลปี 2562-2563 จะเพิ่มขึ้นเป็น 23.53 ล้านกระสอบ หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของประชากรและระดับรายได้เพิ่มสูง เป็นแรงผลักกันให้การบริโภคภายในประเทศสูงขึ้น

แม้อาราบิก้าจะปลูกยาก แต่ก็คาดว่าผลผลิตกาแฟาอาราบิก้าของจีนเพิ่มขึั้น 1.5% มาอยู่ที่ 2.3 ล้านกระสอบ ในปี 2562-2563 เพิ่มขึ้น 8% จาก 5 ปีก่อน พื้นที่ปลูกหลักของจีนอยู่ที่มณฑลยูนนาน ซึ่งเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากที่นี่ถือว่าเป็นกาแฟคุณภาพสูง

ส่วนที่เวียดนามปลูกที่ดาลัต เมืองที่ราบสูงทางภาคใต้ ผลผลิตระหว่างปี 2562-2563 คาดว่าเท่ากับปีก่อน ที่ 1.4 ล้านกระสอบ แต่ถ้าเทียบกับเมื่อ 5 ปีก่อน เพิ่มขึ้น 33%

กาแฟอาราบิก้าผลิตในจีนและเวียดนามส่งออกไปยังประเทศพัฒนาแล้วรวมทั้งญี่ปุ่น และบริโภคกันเองในประเทศด้วย ในสองประเทศนี้ที่รายได้ประชากรเพิ่มสูงขึ้น ร้านกาแฟก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาการบริโภคกาแฟพุ่งขึ้น 15-30%

แต่ในระยะกลางถึงระยะยาว เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมภายในปี 2593 พื้นที่ปลูกกาแฟอาราบิก้าเสี่ยงหายไปราวครึ่งหนึ่งเนื่องจากโลกร้อน ด้วยแนวโน้มนี้ในอนาคตผู้คนจะหันมาดื่มกาแฟโรบัสต้าเป็นหลัก

“ในช่วง 36 ปีที่ผ่านมา โรบัสตาครองส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากราว 20% เป็น 40% สวนทางกับอาราบิก้าที่ลดลงจากราว 80% เหลือ 60%” ชิโร โอซาวา ที่ปรึกษาบริษัทค้ากาแฟ “วาตารุแอนด์โค” ในกรุงโตเกียวให้ข้อมูล