'ธนาธร' เทียบคดี 'หุ้นวีลัก' แบบเดียวกับ 'ดอน'

'ธนาธร' เทียบคดี 'หุ้นวีลัก' แบบเดียวกับ 'ดอน'

“ธนาธร” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เผย มีระบบที่ต้องการล้มตนและพรรค ซัดคดี "หุ้นวีลัก" มีเหตุจูงใจทางการเมือง อ้าง ดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรมว.ต่างประเทศ ก็ทำแบบเดียวกัน ชี้ธุรกรรมสมบูรณ์ตั้งแต่แลกเปลี่ยนใบหุ้น

วันนี้ (6 ต.ค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีหัวข้อ "มาสิครับผมจะเล่าให้ฟัง" พบกับสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป เพื่อสนทนาและชี้แจงถึงการทำงานของพรรคในอนาคตกับสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนตั้งพรรคขึ้นมา เราให้ความสนใจกับคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นนี้โตมาในความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นสูงคนกลุ่มนี้จึงแสวงความรู้และอยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก และทำนโยบายที่มาจากการศึกษาอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่นั้นกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดไม่เคยมีคดีความทั้งแพ่งและอาญามาก่อน แต่พอตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาอยู่มาไม่ถึงปี โดนไปประมาณ 20 คดี ทำให้ตนเพิ่งรู้ว่าเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตอนมาตั้งพรรค แต่คิดว่าพวกเราที่อยู่ที่นี่น่าจะเข้าใจกันดีว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำ คือ การท้าทายกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรมและระบบที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่ต้องแปลกใจที่ระบบนี้ต้องการที่จะล้มเรา เพราะการที่เรามีอยู่หมายถึงการสั่นคลอนความมั่นคงของเขา ดังนั้น พวกเขาต้องพยายามจะรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้ และจำเป็นต้องจัดการกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

"พวกเรามั่นใจมากว่าทุกคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เกิดจากมูลเหตุและแรงจูงใจทางการเมืองที่จะทำลายกันทางการเมืองมากกว่าที่จะบอกว่าเราผิดตัวบทกฎหมายจริงๆ ดังนั้น จนถึงตอนนี้ผมมั่นใจว่าคดีทุกคดี ถ้าว่ากันตามกฎหมายจริงๆ จะไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้ คดีเรื่องเงินกู้ คนพูดไปต่างๆนานา ถ้าใครเป็นนักบัญชีหรือนักกฎหมายจะรู้ว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้ เพราะเงินกู้อยู่ในงบดุล ไม่ได้อยู่ในงบกำไรขาดทุน ถ้าคุณตีความว่าเรื่องนี้ผิด ผมอยากจะรู้ว่าต่อไปนักกฎหมายและนักบัญชีในประเทศนี้จะทำงานอย่างไร พังหมด คุณกำลังเอาเรื่องเดียวมาพังกระบวนการกฎหมายที่ใช้กันมาทั่วโลก ดังนั้น เรื่องนี้ผมพูดจริงๆ ผมยักไหล่ ผมเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเราทำการเมืองโปร่งใสและถูกต้อง" นายธนาธร กล่าว

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับ คดีหุ้นวีลัก เพราะบริษัทวีลักปิดไปตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 และนิตยสารสองเล่มสุดท้ายที่ทำอยู่ คือ นิตยสารที่ทำให้กับนกแอร์และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นการรับจ้างผลิต ไม่ได้เป็นการทำสื่อ ตัวที่ทำสื่อจริง ๆ คือ นิตยสาร Who ก็ปิดไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และเรื่องนี้ก็ชัดเจนและเป็นที่เข้าใจในวงการกฎหมายและบัญชีตลอดว่าความสมบูรณ์ของธุรกรรมเกิดขึ้นเมื่อมีการจ่ายเงินและรับเงินและให้ใบหุ้น ธุรกรรมมันสำเร็จไปตั้งแต่แลกเปลี่ยนใบหุ้นแล้ว แต่จะไปแจ้งกระทรวงพาณิชย์เมื่อไหร่มันเป็นคนละเรื่อง คุณดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตรมว.ต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ถ้าไปตีความว่าธุรกรรมสำเร็จเมื่อไปจดทะเบียนพาณิชย์ สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดในประเทศไทยมันผิดหมด

"คุณกำลังเอาธนาธรเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อบอกว่าต่อไปธุรกรรมจะทำสำเร็จต้องไปนับว่าเมื่อไปจดที่กระทรวงพาณิชย์ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเอากันถึงขนาดนี้ คุณกำลังทำลาย Convention ทางธุรกิจ หลักบัญชีและหลักกฎหมาย คุณกำลังจะทำให้มันพังลงมา ผมเชื่อว่าถ้าตีความตามกฎหมาย จะไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้" นายธนาธร กล่าว

ในช่วงสุดท้าย นายธนาธร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เราเชื่อมั่นในความถูกต้องของพวกเรา อย่างคดีที่แจ้งความเอาผิดเราล่าสุดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เราพูดไม่ใช่การแบ่งแยกและไม่ใช่การทำให้สังคมแตกแยกแต่รณรงค์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยควรจะต้องมีสิทธิ แต่เมื่อมีคดีมาเพิ่มอีกคดีก็ไม่เป็นไร ถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้

"ยืนยันว่าเราจะยังจัดเวทีต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเราไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ สังคมไทยไปต่อไม่ได้ เราเดินหน้าไม่ได้ หลังๆมานี้ผมชักงงว่าไม่รู้ว่าจะต้องไล่คุณประยุทธ์ก่อนหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ถ้าไม่ไล่คุณประยุทธ์ก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ หรือคุณไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ไล่คุณประยุทธ์ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรก่อนดี" นายธนาธร ปิดท้าย