'เนชั่น'เพิ่มทุนระดมเงิน 813 ลบ.ขยายธุรกิจ-ลดหนี้

'เนชั่น'เพิ่มทุนระดมเงิน 813 ลบ.ขยายธุรกิจ-ลดหนี้

บอร์ด 'เนชั่น มัลติมีเดีย' ไฟเขียวเพิ่มทุน 1.35 หมื่นล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม อัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 10 หุ้นใหม่ ราคา0.06 บาท มูลค่า813.59 ล้านบาท เปิดขาย12-18 ธ.ค.นี้ หวังนำเงินชำระหนี้ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน'เนชั่น บรอดแคสติ้ง' ขยายธุรกิจหลัก-ธุรกิจใหม่

นายสมชาย มีเสนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด)อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2562 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 พิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจำนวน 507.54 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,663.57 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,156.02 ล้านบาท โดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกเสนอขายจำนวน 957.63 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 0.53 บาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 7,186.74 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 9,342.77 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 13,559.90 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) อัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 10 หุ้นเพิ่มทุนใหม่ ในราคา 0.06 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวมไม่เกิน 813.59 ล้านบาท ซึ่งกำหนดวันเสนอขายตั้งแต่วันที่ 12 - 18 ธ.ค. 2562

สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปชำระคืนหนี้ระยะสั้นแก่สถาบันการเงินเพื่อลดภาระตุ้นทุนทางการเงิน ไม่เกิน 200 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนในการเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO)ของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ NBC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจำนวน 101.38 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งมุ่งเน้นธุรกิจสื่อสิ่งพิ่มพ์ สื่อโทรทัศน์ และการขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในลักษณะของสื่อรูปแบบใหม่ (New Media) โดยนำเนื้อหาาระ(Content)ของกลุ่มบริษัทฯมาเชื่อมโยงและพัฒนารูปแบบ(Platform) Offline-Online-OnGround เพื่อให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในอุตสาหกรรมสื่อในยุคดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ เป็นต้น และเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากและง่ายขึ้น รวมไปถึง การจัดกิจกรรมพิเศษการจัดอบรมสัมมนา และการจัดกิจกรรมทัวร์

นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ และส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิมของธุรกิจหลักฯ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์หรือการให้บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินทุนจำนวนประมาณไม่เกิน 455ล้านบาท และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2563 แต่แผนกลยุทธ์การลงทุนข้างต้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา หากมีเงินเหลือจากการลงทุน บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน รองรับการดำเนินงานปกติในธุรกิจหลักธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และการต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และรองรับการปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์จำนวนไม่เกิน 57.21ล้านบาท

ทั้งนี้แผนการใช้เงินดังกล่าวข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ กระแสเงินสด แผนการดำเนินธุรกิจ แผนการลงทุน จำนวนเงินที่ได้รับหลังจากการเพิ่มทุน ความจำเป็น และความเหมาะสมอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นสมควร โดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ ลดภาระต้นทุนทางการเงิน มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น และมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจปกติ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจหลัก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และสามารถรองรับการลงทุนในธุรกิจที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจหลักของบริษัทฯ ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะช่วยสร้างรายได้และอาจเป็นผลกำไรที่ดีต่อบริษัทฯ ในอนาคต

นอกจากนี้บอร์ดอนุมัติให้บริษัทการโอนทุนสำรอง และส่วนล้ำมูลค่าหุ้น สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.2562 จำนวน 32.70 ล้านบาท และจำนวน 1,169.75 ล้านบาท ตามลำดับ ไปชดเชยผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทสิ้นสุด วันที่ 31 มี.ค. 2562 ที่มีจำนวน 3,203.20 ล้านบาท ทำให้ภายหลังการดำเนินการดังกล่าวบริษัทยังคงมีผลขาดทุนสะสมจำนวน 2,000.75 ล้านบาท


นายสมชาย แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส1 ปี 2562 มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 113.89 ล้านบาท ลดลง18% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 139.11 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้จากการขายและการให้บริการลดลง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จึงส่งผลกระทบทำให้รายได้จากการขายโฆษณาลดลง3% และรายได้จากการจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ลดลง 19%