"บีจี แพคเกจจิ้ง" เล็งลงทุนพันล้าน ผุดรง.กล่องกระดาษ-ซื้อกิจการ

"บีจี แพคเกจจิ้ง" เล็งลงทุนพันล้าน ผุดรง.กล่องกระดาษ-ซื้อกิจการ

บีจี แพคเกจจิ้ง วางแผน 3-5 ปี ทุ่ม 1,000-2,000 ล้านบาท ผุดโรงงานใหม่ เพิ่มกำลังผลิตกล่องกระดาษ ลุยซื้อกิจการโรงงานกระดาษม้วน ทางลัดปั๊มรายได้โตเท่าตัว หลังเทรนด์บรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษโตแรง รับอานิสงส์ธุรกิจออนไลน์โต

นายวรวัฒน์ บูรณากาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด หรือบีจีพี เปิดเผยว่า แผนธุรกิจใน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องกระดาษมากขึ้น เนื่องจากมีอัตราการเติบโตสูงเฉลี่ย 5-10% จากความต้องการของลูกค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงแบรนด์สินค้าและบริการ ตลอดจนผู้บริโภคแสดงความห่วงใยสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น และหาทางลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก ทำให้ตลาดเติบโตแต่เป็นอัตรา 3-5% เท่านั้น

ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนหลักร้อยล้านบาท จนถึงระดับ 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตกล่องกระดาษแห่งใหม่ เล็งพื้นที่ยุทธศาสตร์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ใกล้ชิดกับลูกค้า คาดว่าจะมีกำลังการผลิตรองรับการเติบโตใน 5-10 ปี จากปัจจุบันโรงงานที่นวนคร มีกำลังการผลิตกล่องกระดาษ 30,000 ตันต่อปี คิดเป็น 60% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 48,000 ตันต่อปี

นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสในการควบรวมและซื้อกิจการ(M&A) และการร่วมทุนในโรงงานกระดาษม้วน แทนการสร้างโรงงานเองซึ่งจะมีความล่าช้าใช้เวลาหาที่ดินและก่อสร้างโรงงานราว 2 ปี

“บรรจุภัณฑ์พลาสติกยังเติบโต และมีกำไรราว 5% ดีกว่ากล่องกระดาษ แต่แนวโน้มการเติบโตของกล่องกระดาษดีกว่าจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซขยายตัว ทำให้เราต้องเตรียมลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มรับความต้องการของลูกค้า ขณะเดียวกันเรายังมองโอกาสในการซื้อกิจการ และร่วมทุนกับพันธมิตรโรงงานกระดาษม้วนท็อป 10 ที่มีฐานและความต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว เทคโนโลยีการผลิตที่ไม่ล้าสมัย และโรงงานตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใกล้ลูกค้า มาช่วยสร้างการเติบโต ซึ่งปัจจุบันเรามีการเจรจากับพันธมิตรหลายราย”

ทั้งนี้ แผน 3-5 ปี บริษัทจะขยายไลน์บรรจุภัณฑ์ใหม่เพิ่ม 2-3 รายการ อาจเป็นบรรจุภัณฑ์ชีวภาพหรือไบโอ และพลาสติกประเภทใหม่ๆเพิ่ม จากปัจจุบันมี 4 กลุ่ม ได้แก่ พลาสติก กล่องกระดาษ ฉลาก และฝาบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งบรรจุภัณฑ์พลาสติกทำรายได้ 55% กล่องกระดาษและอื่นๆ 45% แต่จากการบุกธุรกิจกล่องกระดาษมากขึ้น จะทำให้สัดส่วนรายได้เป็น 65% และพลาสติก 45% บริษัทยังลุยส่งออกบรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมากขึ้น เพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 10% จากปีนี้ 2% เพราะเพิ่งเริ่มทำตลาด

“การขยายธุรกิจกล่องกระดาษและมีพันธมิตรใหม่เข้ามา จะช่วยต่อยอดรายได้บริษัทให้เติบโตเท่าตัวแตะระดับ 3,000-5,000 ล้านบาท ใน 3-5 ปีข้างหน้า จากปีนี้คาดว่าจะปิดยอดขาย 1,700 ล้านบาท เติบโต 3% จากปีก่อน”

อย่างไรก็ตาม บีจีพี เป็นหนึ่งในเสาหลักของบางกอกกล๊าส ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วรายใหญ่ของไทยมีรายได้ราว 15,000 ล้านบาท และอยู่ภายใต้เครือบุญรอดบริวเวอรี่ โดยลูกค้าของบีจีพียังเป็นเครือสิงห์และลูกค้านอกเครือ 50% เท่ากัน ในอนาคตต้องการลูกค้านอกเครือมากขึ้น ซึ่งยอดขายมีการเติบโตต่อเนื่อง แต่แนวโน้มครึ่งปีหลัง ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมค่อนข้างชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อ