จับ 2 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รู้เห็นการขโมยไม้พะยูงของกลางในหน่วยป้องกันป่าฯ ยโสธร

จับ 2 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รู้เห็นการขโมยไม้พะยูงของกลางในหน่วยป้องกันป่าฯ ยโสธร

พบวางแผนทำให้ไม้สูญหายจำนวน 33 ท่อน มูลค่าความเสียหายราว 1.16 ล้านบาท

จากกรณีไม้ของกลางของหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยส.2 (โพนงาม-ดงปอ๗ ใน อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร สูญหายจำนวน 33 ท่อน ปริมาตรราว 2.90 ลูกบาศก์เมตร และมูลค่าความเสียหายภาครัฐประเมินที่ราว 1.16 ล้านบาท, นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) ได้สั่งการให้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ เร่งรัดให้ขยายผล ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาลงโทษตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ได้ ตามนโยบายข้อสั่งการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวราวุธ ศิลปอาชา ที่ได้มอบนโยบายป้องกันการลักลอบขโมยไม้พะยูงของกลางที่เก็บรักษาไว้ตามหน่วยป้องกันรักษาป่าฯ

โดยนายชีวะภาพ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาชุดเฉพาะกิจฯ พยัคฆ์ไพร และผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพ.ต.ท.อรรถพล สุตสาย ได้เข้าขยายผลตรวจสอบที่ หน่วย ยส.2 พบว่า ไม้พะยูงของกลางในคดีได้สูญหายจริง และได้ใช้เวลาขยายผลสืบสวนสอบสวนจนทราบถึงกลุ่มขบวนการลักลอบไม้ของกลางของหน่วยฯ โดยมีข้อมูลชัดเจนว่า มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยรู้เห็นและเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ 2 นายดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นนายสุระศักดิ์ ชื่นตา ผู้ช่วยพนักงานพิทักษ์ป่าและนายสุพัฒน์ แก้วอ่อน ผู้ช่วยพนักงานพิทักษ์ป่า โดยมีการปฏิบัติหน้าที่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 157 และ 147 คือ ปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด (ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือปรับตั้ง แต่ 2,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) และ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ได้เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย (ต้องระวางจำคุก ตั้งแต่ 5 - 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท)

โดยคณะสืบสวนฯ ได้พบว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายที่ได้รับคำสั่งปฏิบัติภาระกิจเข้าเวรยามพร้อมกันในวันที่ 21 กันยายน แต่จากการตรวจสอบพบข้อมูลชัดเจนว่า ไม้พะยูงของกลางหายไปช่วง ตั้งแต่เวลา 00.30-03.00 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายปฎิบัติงาน

ทั้งสองได้ถ่ายภาพกองไม้ที่หายไป และรูปของทั้ง 2 นายโดยถ่ายเก็บไว้หลายๆ ภาพ และนำมาประกอบการรายงานในกรุ๊ปโซเชียลมีเดียของหน่วยฯ ในช่วงที่คาดว่าไม้หายตั้งแต่ ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน โดยรายงานว่าสถานการณ์ปกติ ทั้งที่ขณะนั้นสถานการณ์ไม่ปกติ

นอกจากนี้ ยังมีพยานบุคคลที่เชื่อถือได้หลายปากให้การตรงกันว่า พบเห็นรถยนตร์ปิคอัพ ต้องสงสัยวิ่งเข้ามาในหน่วยๆ พร้อมกลุ่มผู้ชายหลายคนช่วยกันขนไม้พะยูงของกลาง โดยได้ยินเสียงชัดเจนว่า มีการขนไม้ออกจากหน่วยๆช่วงเวลา 00.30-03.00น

โดยพยานให้การว่า มีการเปิดเพลงเสียงดัง จนทำให้เข้าใจว่ามีงานเลี้ยง หรือมีการไปตรวจยึดจับไม้มาด้วยซ้ำ แต่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายให้การยืนยันว่าไม่ได้ยินอะไร และอ้างว่าหลับไป ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทางคณะสืบสวนฯ ถือว่า เป็นการวางแผนการมาเป็นอย่างดี เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มขบวนการเข้าลักลอบขโมยไม้พะยูงของกลาง

คณะสืบสวนฯ จึงลงความเห็นร่วมกัน บันทึกเรื่องราวดังกล่าวเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงาน สอบสวนสถานีตำรวจตำบลคำผักกูด เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไป และนายชีวะภาพ จะเสนอให้หน่วยต้นสังกัดๆ พิจารณาดำเนินการโทษทางวินัยตามระเบียบพร้อมกัน

ทั้งนี้ นายชีวะภาพกล่าวว่า ชุดปฎิบัติการฯ ยังทำงานเกาะติดกลุ่มขบวนการที่เป็นบุคคลภายนอกอยู่ โดยมีข้อมูลว่าไม้ของกลางดังกล่าว ยังคงถูกกลุ่มขบวนการเก็บซุกซ่อนอยู่ใน ท้องที่ใกล้เคียงกันและทางคณะฯ กำลังขยายผลให้ถึงที่สุดต่อไป

การขยายผลสืบสวนสอบสวนจนได้เจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิด และการแจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อหาหนัก เพื่อเป็นการป้องปรามการดูแลรักษาไม้ของกลางให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆของ กรมป่าไม้ นายชีวะภาพระบุ

ภาพ/ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า / สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้