“ซีทริป” เผยไทยจุดหมายจีนเที่ยวโกลเด้นวีค รองแค่ญี่ปุ่น  

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า บริษัททัวร์ที่ทำตลาดนักท่องจีนมาไทยกำลังเผชิญผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วมากกว่า 10% ผสมโรงกับเงินหยวนอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา หลังจากปีที่แล้วอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 32-33 บาท แต่ปัจจุบันแข็งค่าเร็วมาอยู่ที่ระดับ 30 บาท ขณะที่เงินหยวน อัตราแลกเปลี่ยนปีที่แล้วอยู่ที่4.8-4.9 บาทต่อหยวน ปัจจุบันร่วงลงมาอยู่ที่ 4.3-4.4 บาท

สถานการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการทัวร์ไทยจึงตั้งรับไม่ทัน เพราะค่าเงินส่งผลต่อการทำธุรกรรมโดยเฉพาะเครดิตเทอมที่ยาวนานถึง 3-6 เดือนโดยตรง ทำให้ภาพรวมปีนี้บริษัททัวร์ที่ทำตลาดจีนมีกำไรน้อย บางส่วนถึงขั้นขาดทุน จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาช่วยดูแลค่าเงิน ไม่ให้แข็งค่าแบบไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้้ อย่างไรก็ตามบริษัททัวร์จีนต้องกัดฟันทนพิษบาทแข็งให้ไหว เพราะในไตรมาส 4 ซึ่งตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันมีดีมานด์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยดีต่อเนื่อง

โดยเฉพาะไฮไลท์อย่างช่วงหยุดยาวหรือโกลเด้นวีควันชาติจีน ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.นี้ มั่นใจว่าจะมียอดชาวจีนเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 2.5 แสนคน หรือมากกว่า 20% เนื่องจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อ ก.ค.ปีที่ผ่านมา ส่วนจำนวนตลอดปี 2562 คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านคนของปีที่แล้ว

“อย่างไรก็ตาม แอตต้ากังวลว่าปี 2563 ตลาดจีนเที่ยวไทยอาจไม่เติบโต ลูกค้าไม่เพิ่ม พักสั้นลง ใช้จ่ายน้อยลง การแข่งขันก็สูงในหลายๆ มิติ โดยเฉพาะปัจจัยเงินบาทแข็งค่าที่ทำให้บริษัททัวร์อ่วมจนถึงขั้นขาดทุนหรือไม่ได้กำไร หากสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าเลวร้ายไปกว่านี้ อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านแทน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์”

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ประเมินคาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยช่วงโกลเด้นวีควันชาติจีน ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.นี้ มีจำนวน 193,500 คน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หลังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดจีน อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถขยายตัวได้ดีเท่ากับปี 2560 ที่มีชาวจีนเที่ยวไทยกว่า 215,842 คน เนื่องจากตลาดจีนยังต้องเผชิญกับปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ยังไม่ยุติ

ด้านรายได้ทางการท่องเที่ยวในโกลเด้นวีค คาดอยู่ที่ 5,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เป็นอัตราการเติบโตที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายลดลงตั้งแต่ปี 2560 อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับสถานการณ์เงินหยวนอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เป็นแรงกดดันให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น 

นอกจากนี้ จากรายงาน “2019 National Day Tourism Trend Forecast Report” ของบริษัทซีทริป (Ctrip) บริษัทรับจองสินค้าท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน คาดว่าวันชาติจีนปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศราว 800 ล้านทริป เพิ่มขึ้น 9.4% หรือจาก 726 ล้านทริปจากปี 2561 โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากเซี่ยงไฮ้มากที่สุดเป็นอันดับ 1

ขณะที่ข้อมูลของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันชาติจีนปีนี้ กว่า 30% นิยมใช้เวลาท่องเที่ยวในต่างประเทศ 4-6 วัน, 31% เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เกิดหลังปี 1980 ขณะที่กลุ่มครอบครัวเป็นกลุ่มที่นิยมเดินทางมากที่สุดในช่วงวันชาติจีน

ด้านการจัดอันดับ 10 ประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันชาติจีน 2562 จากซีทริป พบว่า ไทยเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น ทั้งในภาพรวมและนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) โดยในภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวระยะกลางและไกลมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคยุโรป ได้ปัจจัยสนับสนุนค่าเงินยูโรที่อ่อนค่า นโยบายการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวร่วมกัน รวมทั้งการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างจีนและประเทศในยุโรป

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า คาดว่าไตรมาส 3 ปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีน 2.84 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 4 ปีนี้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 2.67 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 23.43% เนื่องจากมีเหตุเรือล่มในปีที่แล้ว ทั้งนี้คาดด้วยว่าตลอดปี 2562 จะมีชาวจีนมาเที่ยวไทย 11.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.87%