‘ธนารักษ์’สั่งเพิ่มเป้าเก็บรายได้ปี63 เป็น 1.5หมื่นล้าน

‘ธนารักษ์’สั่งเพิ่มเป้าเก็บรายได้ปี63 เป็น 1.5หมื่นล้าน

“อธิบดีธนารักษ์”ป้ายแดง ตั้งเป้าจัดเก็บรายได้เป็น1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 5 พันล้านบาทจากเป้าหมายในปีงบ 63 สั่งธนารักษ์พื้นที่และขอความร่วมมือสตง.ตรวจสอบการนำที่ราชพัสดุไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ไม่นำรายได้ส่งแผ่นดิน

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยหลังเข้ารับตำแหน่งในวันแรก(1ต.ค.)ว่า ตั้งเป้าหมายที่จะจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2563 ให้ได้จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยหนึ่งในแนวทางที่จะหารายได้เข้ามาเพิ่มเติม คือ ให้หน่วยงานที่ใช้ที่ราชพัสดุนำส่งรายได้ในส่วนที่นำที่ราชพัสดุไปจัดหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันบางแห่งไม่มีการนำส่งรายได้ดังกล่าวเข้าคลังหลวง แต่ได้นำรายได้เข้าเป็นสวัสดิการของหน่วยงานตนเองเป็นต้น

 ทั้งนี้ ตนจะมอบหมายให้ธนารักษ์พื้นที่ทุกจังหวัดดำเนินการสำรวจพื้นที่ส่วนราชการต่างๆว่า มีการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เช่น การนำพื้นที่ไปเปิดให้ทำร้านค้าต่างๆ แต่ไม่นำรายได้จากค่าเช่าส่งเข้าคลังหลวง ซึ่งปกติรายได้เหล่านี้ จะต้องมาเป็นรายได้แผ่นดิน หรือ บางรายปรับขึ้นค่าเช่า แต่นำส่งรายได้ค่าเช่าในอัตราเดิม เป็นต้น

 "ยกตัวอย่าง กรมควบคุมโรคติดต่อ ได้เปิดให้มีการเช่าพื้นที่ แจ้งราคาค่าเช่า 600 บาทต่อหนึ่งคูหา แต่ทราบว่ามีการเก็บค่าเช่าช่วงต่อในราคา 3 หมื่นบาทต่อคูหา ดังนั้น ค่าเช่าส่วนที่เก็บในราคาปัจจุบันจะต้องนำมาเป็นรายได้ของแผ่นดิน ทั้งนี้ อัตรารายได้ที่ต้องนำส่งจากค่าเช่าเหล่านี้จะอยู่ที่ 70% ของรายได้ทั้งหมด"

 เขากล่าวด้วยว่า นอกจากจะให้ธนารักษ์พื้นที่ของกรมฯเข้าไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวแล้ว กรมฯจะขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)เพื่อร่วมในการตรวจสอบการใช้พื้นที่ที่ผิดวัตถุประสงค์ของหน่วยงานที่ใช้ที่ราชพัสดุประกอบกันด้วย ซึ่งหน่วยงานที่กระทำผิดจะต้องมีการรายงานหรือชี้แจงต่อสตง.ด้วย

"เราจะใช้เครื่องมือจากสตง.เข้าร่วมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย เท่าที่เราทราบมีหน่วยงานที่นำที่ราชพัสดุไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หลายแห่ง เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมันต่างๆ โดยนำรายได้ที่เกิดจากการให้เช่าพื้นที่เข้าสวัสดิการตนเอง ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง"

 นอกจากนี้ กรมฯจะตั้งศูนย์รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับที่ราชพัสดุทั้งหมด เพื่อนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการจัดสรรพื้นที่ไปใช้ในกิจกรรมต่างๆของหน่วยงานรัฐ และ การจัดสรรที่ราชพัสดุเพื่อประโยชน์ของประชาชนฐานรากด้วย

 ทั้งนี้ สำหรับการบริหารที่ราชพัสดุสำหรับประชาชนระดับฐานรากนั้น เป็นนโยบายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายให้กรมฯไปจัดสรรพื้นที่ราชพัสดุเพื่อประโยชน์เชิงสังคม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนระดับฐานราก เบื้องต้น จะมอบหมายให้ธนารักษ์พื้นที่ไปตรวจสอบที่ราชพัสดุของหน่วยงานต่างๆว่า มีพื้นที่ใดเหมาะสมจะนำมาจัดสรรให้ประชาชนได้เข้าใช้โดยไม่มีการเก็บค่าเช่าบ้าง

 "ในวันนี้(2ต.ค.)ผมจะมอบหมายให้ธนารักษ์พื้นที่ไปสำรวจที่ราชพัสดุของหน่วยงานต่างๆว่า มีพื้นที่ใดเหมาะสมจะนำมาจัดสรรบ้าง และจะส่งหนังสือไปยังทุกหน่วยงาน เพื่อขอความร่วมมือ เพราะถือเป็นนโยบายรัฐบาล อย่างไรก็ดี เราจะไม่กำหนดว่า พื้นที่ใดเหมาะสมจะทำอะไร แต่จะให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของชุมชนนั้นๆว่า จะจัดให้เป็นพื้นที่ขายสินค้า หรือ จัดเป็นที่ประชุม เป็นต้น ซึ่งผมมีนโยบายที่ต้องการให้มีพื้นที่เหล่านี้ทุกจังหวัดภายในปีงบ 2563”