CK - ซื้อ

CK - ซื้อ

ลูกกตัญญู

Event

วิเคราะห์ประเด็นพิเศษ และอัพเดตข้อมูลบริษัท

lmpact

อาจจะมีการถ่ายผู้โดยสารจาก BTS ไป MRT แทน

เนื่องจากมูลค่าของ BEM คิดเป็น 70% ของมูลค่าหุ้น CK และเราคาดว่า equity income จาก BEM จะคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ในปีนี้ และ 71% ในปีหน้า เราจึงได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด (Figure 3) ถึงรายได้ค่าตั๋วโดยสารของทั้ง BTS Group Holdings (BTS.BK/BTS TB)* และ MRT ซึ่งทำให้เราพบว่ามีสามเส้นทางที่ทับซ้อนกันอยู่ระหว่างระบบของ BTS และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายของ MRT (บางหว้า- ศาลาแดง/สีลม, บางหว้า – สุขุมวิท/อโศก และบางหว้า-หมอชิต/สวนจตุจักร) ซึ่งในกรณีส่วนใหญ่ค่า
โดยสารของ MRT จะถูกกว่า BTS อย่างมีนัยสำคัญ (28-33%) ดังนั้น เราจึงคาดว่าจำนวนผู้โดยสาร MRT จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเปิดให้บริการสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเนื่องจาก i) มีผู้โดยสารจากระบบ BTS เปลี่ยนมาใช้ MRT มากขึ้น และ ii) รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินวิ่งเป็นวงกลมรอบเมือง (ทำให้ผู้โดยสารจาก/ไปฝั่งธนบุรีสามารถเดินทางไป/จากย่าน CBD ได้) ทั้งนี้ คณะกรรมการของการรถไฟฟ้ามหานคร(รฟม)และ Bangkok Expressway and Metro (BEM.BK/BEM TB)* กำลังพิจารณาแพ็คเก็จแบบ 30 วันซึ่งจะทำให้ค่าตั๋วโดยสารของ MRT ยิ่งถูกลงไปอีก (คาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562)

คาดว่าจะเซ็นสัญญาโครงการทางด่วนพระราม 3- ดาวคะนองได้ในเร็ว ๆ นี้

เมื่อไม่นานมานี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้อนุมัติผลการประมูลสองสัญญา ซึ่งรวมถึงสัญญาที่ CK ชนะประมูลด้วย (มูลค่าสัญญา 6.6 พันล้านบาท) ซึ่งเราคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาในเดือนตุลาคมนี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็เพิ่งเซ็นสัญญาก่อสร้างอาคารศูนย์บูรณาการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (2 พันล้านบาท) ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทำให้ backlog ของ CK เพิ่มขึ้นเป็น 4.72 หมื่นล้านบาท จาก 3.86 หมื่นล้านบาทใน 2Q62 ซึ่งเราได้รวมไว้ในประมาณการของเราเรียบร้อยแล้ว

การเจรจาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินที่ยืดเยื้อมานานน่าจะปิ ดฉากได้เร็วๆ นี้

มีการกำหนดเซ็นสัญญาในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังค้างคาอยู่ โดยมีพื้นที่ก่อสร้างที่พร้อมส่งมอบได้แค่ 72% เท่านั้น ในขณะที่กระบวนการเวนคืนพื้นที่ส่วนที่เหลือจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี ในขณะเดียวกัน CP Holdings (CPH) ก็มีปัญหายุ่งยากจากการที่ China Development Bank (CDB) ต้องการให้รัฐบาลไทยค้ำประกันในกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทยประสบภาวะขาดทุน เรามองว่า CPH น่าจะเซ็นสัญญาได้ตามกำหนด และรฟท. จะออก notice to proceed (NTP) เมื่อทั้งสองฝ่ายหาข้อตกลงร่วมกันได้ในเรื่องแผนการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 ซึ่งคำนวณโดยวิธี SOTP ที่ 32.75 บาท ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไรปี นี้จะไม่น่าตื่นเต้น แต่เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2563 จะโตได้ถึง 138.7% YoY จากรายได้ equity income ที่เพิ่มขึ้นจากรถไฟฟ้ า MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และการเปิดดำเนินงานเต็มปีของโครงการไซยะบุรี (CK Power (CKP.BK/CKP TB))*

Risks

กำหนดการก่อสร้างล่าช้า, ขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนค่าวัสดุแพงขึ้น