ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

ผันผวน..รอปัจจัยใหม่

ซื้อเล่นรอบ (ลงซื้อ-ขึ้นขาย) ในกรอบ 1,630 – 1,645 จุด 

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปรับลง -6.54 จุด (-0.40%) ปิดที่ระดับ 1,637 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.3 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคหลังปัจจัยภายนอกมีความไม่แน่นอนทั้งเรื่องการเมืองในสหรัฐ ข่าวสหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน ประกอบกับธปท.ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงสู่ 2.8% จากผลกระทบสงครามการค้า ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม BANK, ICT และ PETRO ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,137 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 2,114 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,492 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,630 - 1,645 จุด โดยภาวะตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนเพราะแม้ว่าสถานการณ์ Tradewar จะผ่อนคลายลงหลังสหรัฐออกมาปฏิเสธเรื่องการจำกัดการลงทุนในจีนรวมถึงการเพิกถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ ประกอบกับความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 10 – 11 ต.ค. ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อภาวะตลาด อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงหลุด 55 US/Barrel หลังซาอุฯสามารถฟื้นฟูกำลังการผลิตนำมันได้เร็วกว่าคาดจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกจะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวน จึงแนะนำ ซื้อเล่นรอบ (ลงซื้อ-ขึ้นขาย) ในกรอบ 1,630 – 1,645 จุด 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มท่องเที่ยว (ERW, MINT ) และส่งออก (GFPT, TU) ครม.เศรษฐกิจจะพิจารณามาตรการกระตุ้นศก.ด้านการส่งออก-ท่องเที่ยวในวันที่ 7 ต.ค.
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • AOT (ปิด 74.75 ซื้อ/เป้า 87) AOT แจ้งจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าเบื้องต้นของเดือน ก.ย. (1-28) เพิ่มขึ้น 10.3%yoy เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับเป็น Sentiment บวกต่อการลงทุนและผลกำไรของ AOT ขณะเดียวกันสัปดาห์นี้ยังได้ปัจจัยบวกจาก China Golden week ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • BCH (ปิด 15.8 ซื้อ/เป้า 19 บาท) ราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากมองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 3Q19 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2017)

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (ปิด 220 ซื้อ/เป้า 260 บาท), DTAC (ปิด 57.5 ซื้อ/เป้า 68 บาท)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) เดือน ต.ค.คงมุมมองเป็นกลางคาด SET ผันผวนในกรอบ 1,600 -1,680 จุด กลยุทธ์เน้นกลุ่มธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วง High season คือ โรงพยาบาลและท่องเที่ยว Top pick – AOT, BCH, CHG, ERW และ MINT: SET Index เดือน ก.ย.ลดลง 1.1% ส่วนพอร์ตการลงทุนของเราให้ผลตอบแทนน่าผิดหวัง -3.1% โดยมีหุ้น CHG ให้ผลตอบแทนดีสุด +2.5% ขณะ CPF ให้ผลตอบแทนแย่สุดที่ -11% แนวโน้มเดือน ต.ค. คาด SET Index จะผันผวนในกรอบ 1,600-1,680 จุด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาช่วยหนุน การ Preview งบ 3Q19 ภาพรวมยังไม่ดี แต่ราคาหุ้นและดัชนีได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยนี้ไปบ้างแล้วทำให้ Down side ค่อนข้างจำกัด และเราเชื่อว่าพัฒนาการทางบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐซึ่งจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 ต.ค.19 จะช่วยหนุนและประคองดัชนีเอาไว้ กลยุทธ์การลงทุนเดือน ต.ค.ยังเป็น Selective buy เน้นกลุ่มธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วง High season ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 คือ กลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มท่องเที่ยว Top pick เดือน ต.ค.. AOT, BCH, CHG, ERW, และ MINT
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงกว่า 1.84$/bbl จากดอลลาร์แข็งค่า และซาอุฯฟื้นการผลิตน้ำมันดิบได้เร็วกว่าคาด: ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงแรงกว่า 1.84$/bbl (-3.3%) ปิดที่ 54.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยมีแรงกดดันจาก 2 ปัจจัยลบ คือ 1) ซาอุฯสามารถฟื้นการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับ 11-12 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปกติของซาอุฯก่อนถูกโจมตีได้เร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ ประกอบกับซาอุฯออกมาเน้นย้ำว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคด้วยการเจรจาทางการเมืองมากกว่าด้านทหาร และ 2) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 99.4 แข็งค่ามากสุดในรอบ 2 ปี (ค่าเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวผกผันกับราคาน้ำมัน) ถือเป็น Sentiment ลบต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมันในวันนี้ โดย เฉพาะ PTTEP
  • (+) จีนประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนภาพรวมการผลิตเริ่มฟื้นตัว: วานนี้จีนประกาศตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ซึ่งจัดทำโดย Caixin เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.4 จาก 50.4 จุดในเดือน ส.ค.และมากกว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.2 และเป็นการเพิ่มสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ดัชนี PMI ที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาคการผลิตจีนที่กลับมาฟื้นตัวและคาดว่าจะช่วยชะลอผลกระทบจากภาคส่งออกที่ถูกกดดันจากปัญหา Trade war ส่งผลดีต่อกลุ่มประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะ ถ่านหินและปิโตรฯ นับเป็น Sentiment บวกต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคในเช้าวันนี้