หุ้นไทยโค้งสุดท้ายส่อผันผวน‘หนัก’ โบรกแนะจับตา3ปัจจัยเสี่ยง ชี้ดัชนีเริ่มแพง

หุ้นไทยโค้งสุดท้ายส่อผันผวน‘หนัก’ โบรกแนะจับตา3ปัจจัยเสี่ยง ชี้ดัชนีเริ่มแพง

นักวิเคราะห์ ฟันธงหุ้นไทยไตรมาสสุดท้าย ยังผันผวนหนัก “บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี” แนะจับตา 3 ปัจจัย “สงครามการค้า-เบร็กซิท-เฟด” เสี่ยงกระทบการลงทุน ด้าน “บล.เคทีบี” ระบุ หุ้นไทยเริ่มแพง ไม่จูงใจต่างชาติลงทุน แนะเลือกลงทุนรายตัว เน้นจ่ายปันผลสูง

ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 73.34 หรือ 4.68% มาอยู่ที่ระดับ 1,637.22 โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,228.85 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 24,255.05 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 32,522.38 ล้านบาท และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 13,496.18 ล้านบาท 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ยังมีแนวโน้มผันผวน โดยขึ้นกับ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค. นี้ หากยังยืดเยื้อต่อไป ก็ยังเป็นประเด็นที่กดดันดัชนี 

2. เบร็กซิท ที่จะทราบผลในเดือนต.ค. นี้ ว่า สหรัฐ จะออกจาก ยูโรโซน รูปแบบไหน ซึ่งเป็นประเด็นตลาดยังให้ความสนใจ และ 3.แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยรองลงมาคือเรื่องเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัว จากผลของสงครามการค้าที่ยังไม่จบ และเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะต้องติดตามว่ามาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ชุดแรก 3 แสนล้านบาท จะเห็นผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากมีผลดีต่อเศรษฐกิจ ตลาดหหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวขึ้น และติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวไตรมาส 4 ปีนี้ จาก ข้อมูล ณ สิ้นส.ค. นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว 18 % เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน ซึ่งหากออกมาดี ก็จะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของจีดีพี จากที่ส่งออกไม่ดี

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยไตรมาส 4ปี 2562 ประเมินค่อนข้างยาก เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือ ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน ที่จะทราบผลภายในต้นเดือนต.ค. ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย เฟด กำไรบจ. 

โดย บล.เคทีบี ฯประเมินการเจรจากากรค้าว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในทิศทางที่ดีระดับหนึ่ง แต่คาดว่าจะไม่ถึงขั้นยกเลิกการเก็บภาษี โดยจะมีลักษณะภาษี ประนีประนอมกันไปเลื่อน ๆทำให้ปัจจัยกดดันตลาดผ่อนคลาย ซึ่งดัชนีมีแนวรับที่ระดับ 1,620 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,700 จุด 

สำหรับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ คาดว่ามีโอกาสน้อยที่จะกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย โดยตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจน้อยลงและไม่แปลกใจที่ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนส.ค. -ก.ย. ทำให้ตั้งแต่ต้นปีถึง 30 ก.ย.ขายหุ้นไทยสุทธิ 5.22 พันล้านบาท เพราะ หุ้นไทยถือว่าไม่ถูกแล้ว จากมีค่า Forward P/E ปีนี้ที่ 16.5 เท่า และปีหน้าอยู่ที่ 16 เท่า จึงไม่จูงใจให้เข้ามาซื้อ เพราะ ช่วงที่ต่างชาติเข้ามาซื้อต้นปี นั้น P/E หุ้นไทยอยู่ที่ 14-15 เท่า และหุ้นชั้นดีของไทย ไม่ว่าจะกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า ค้าปลีก ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากแล้วทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้น ( อัพไซด์) จำกัด แต่หากมีเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนเก็งกำไร (ฮอตมันนี่) ระยะสั้น หากมีปัจจัยบวกเข้ามา

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 ปี 2562 คาดจะฟื้นตัวดีขึ้น จากคาดการค้าโลกและเศรษฐกิจไทย จะค่อยๆดีขึ้น การปรับลดกำไรบจ.ถึงจุดต่ำสุดไปแล้ว และเห็นนโยบายผ่อนคลายของเฟดอีก 

ส่วน เทรดวอร์น่าจะยืดเยื้อไปถึงปีหน้า และมีความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกไม่เก็บภาษีสินค้าจากจีนในบางสินค้า ขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้น จากมตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้การบริโภคดีขึ้น การทองเที่ยวฟื้นตัว แม้ส่งออกจะเริ่มฟื้นตัว โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,600 -1,620 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,730-1,780 จุด

สำหรับทิศทางเม็ดเงินต่างชาติคาดว่าจะมียอดซื้อสุทธิ 2.5-3 หมื่นล้านบาท จาก กำไรบจ.น่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3-4 รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลกระจายเข้าไปในตลาดหุ้นเอเซีย