คนจีนแห่เที่ยว 'โกลเด้น วีค' AOT ขึ้นแท่นรับอานิสงส์

คนจีนแห่เที่ยว 'โกลเด้น วีค' AOT ขึ้นแท่นรับอานิสงส์

ช่วงนาทีทองของการท่องเที่ยวไทยกลับมาอีกครั้งเมื่อช่วงหยุดยาวของคนจีน 1-7 ต.ค. หรือที่เรียกว่า โกลเด้นวีค หนุนให้กลุ่มโรงแรม สบามบิน สินค้าที่คนจีนชอปปิงได้รับผลดีต่อยอดขายในช่วงเข้าสู่ไฮซีซั่น

     ตามปกติช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับชาวจีนมี 2 ครั้งต่อปีคือวันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีน และวันเฉลิมฉลองวันชาติของจีน ซึ่งปีนี้ครบรอบ 70 ปี ซึ่งทางการจึงกำหนดให้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในเอเชียจึงเริ่มกำหนดวันหยุดตั้งแต่ปี 2543 ตามปกติประชากรชาวจีนที่มีถึง 750 ล้านคนจะออกมาท่องเที่ยว ใช้ชีวิตนอกบ้านแต่มีเพียงไม่ถึง 10 ล้านคนที่เดินทางออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศ แม้แต่ในจำนวนดังกล่าวจะน้อยแต่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพพร้อมจะจ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง

   บวกกับสถานที่ท่องเที่ยวช่วงโกลเด้นวีคที่คนจีนโหวตผ่านเว็บไซต์จองที่พักอย่าง Agoda ปีนี้พบว่าไทยติดอันดับที่ 2 เป็นการเสียแชมป์ให้กับ ญี่ปุ่นที่ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังนำอันดับ 3 ฮ่องกง อันดับ 4 ไต้หวัน และอันดับ 5 ฟิลิปปินส์ แม้จะมีแรงกดดันจากทิศทางค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวนเคยขึ้นไปแข็งค่ามากถึง 6% แต่ก็สะท้อนให้เห็นได้ว่าคนจีนยังยกให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดอยู่ตลอด

   ส่วนของไทยจากตัวเลขนักนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาแม้จะมีปัญหาความไม่เชื่อมั่นจากอุบัติเหตุทางเรือของคนจีนในปีที่ผ่านมา แต่สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนยังคงสูงมากกว่าชาติอื่น ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขช่วงโกลเด้น วีค ด้วยแล้ว พบว่าคนจีนยังนิยมมาท่องเที่ยวในไทยต่อเนื่อง

   ตามข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปี 2560 ช่วงดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 227,648 ราย เพิ่มขึ้น 69.04% ซึ่งในปีดังกล่าวตรงกับช่วงไหว้พระจันทร์ทำให้กลายเป็น ซูเปอร์ โกลเด้น วีค  ในปี 2561 ชาวจีนกลับมาท่องเที่ยวไทยน้อยลงในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ 180,807 ราย แต่เริ่มเป็นปีที่เห็นสัดส่วนคนจีนที่มาเที่ยวด้วยตัวเอง (F.I.T) มากขึ้น 70 % และผ่านกรุ๊ปทัวร์ 30 %

   ส่วนปี 2562 ด้วยประเทศยังใช้มาตรการยกเว้นออกวีซ่าขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival (VOA) กับ 21 ประเทศ รวมประเทศจีนและไต้หวันขยายออกไปถึงปีเดือน เม.ย. 2563 ถือว่าเป็นปัจจัยบวกหนุนการท่องเที่ยวอีกแรง

   ด้านสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) ได้คาดการณ์ตัวเลขคนจีนที่จะมาเที่ยวไทยช่วงโกลเด้น วีค แตะ 270,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 10% จากช่วยเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับตัวเลขศูนย์วิจัยกสิกรไทยหลังจากเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาแตะ 1 ล้านคนเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าทั้งปีมีตัวเลขคนจีนมาเที่ยวไทย 10.80-10.90 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.6-4.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

    ผลบวกจากประเด็นดังกล่าวทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับกระแสเป็นบวกและเร่งยอดขายได้ หลังจากในกลางที่ผ่านมามีการปรับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยไม่ถึง 41 ล้านคน เป็น 38.27 ล้านคนแทน

   กลุ่มแรกหนีไม่พ้น หุ้นสนามบิน บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) สถานการณ์ท่องเที่ยวดีขึ้นจึงทำให้รายงานตัวเลขเดือนก.ย. จำนวนผู้โดยสารโต 4.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เทียบขยายตัวแรงกว่าตัวเลขสะสม 3 สัปดาห์ และ 2 สัปดาห์ของเดือนที่โต 3.5% และ 2.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนตามลำดับ

   นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่ชาวจีนนิยมชิม ช้อป ใช้ จำนวนมากขนมคบเคี้ยว บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN), บมจ. อาฟเตอร์ยู (U) กลุ่มของใช้เครื่องสำอาง, บมจ. ดูเดย์ดรีม (DDD) ,บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) กลุ่มบริการ บมจ. สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA)และกลุ่มโรงแรม บมจ. ดิเอราวัณ กรุ๊ป (ERW) 

   บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีซีมิโก้ มองหุ้นที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ AOT ตามการณ์นักท่องเที่ยวโตมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ในไตรมาส 4 จะเร่งตัวมากขึ้น เนื่องจากกำลังเข้าสู่ไฮซีซั่น

   ดังนั้นคงประมาณการกำไรหลักของ AOT ในปี 2563-2564 เติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปี จากการเติบโตของผู้โดยสารที่เร่งตัวขึ้น และรายได้ส่วนแบ่งสัมปทานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยในปี 2564 คงคำแนะนำ “Outperform” สำหรับ AOT