โยนนายกฯชี้ขาด 'ไฮสปีด-แหลมฉบัง' พรุ่งนี้

โยนนายกฯชี้ขาด 'ไฮสปีด-แหลมฉบัง' พรุ่งนี้

ร.ฟ.ท.ชงร่างสัญญาไฮสปีด 3 สนามบินเข้า กพอ.พรุ่งนี้ ตั้งเป้าลงนาม “ซีพี” 15 ต.ค.หลังเคลียร์เอกสารแนบท้ายจบ ยันส่งมอบพื้นที่ตาม RFP ไม่ต่ำกว่า 50% ชี้รัฐรับภาระรื้อเสา “โฮปเวลล์” "กทท." รายงาน กพอ.เคาะทางออกแหลมฉบัง

การประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) จะประชุมหาข้อสรุปของ 2 โครงการสำคัญในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คือ 1.รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่มีปัญหาการเจรจาเอกสารแนบท้ายร่างสัญญาที่จะลงนามกับกิจ การร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มซีพี) 

2.การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งตัดสิทธิการร่วมประมูลของ กิจการร่วมค้าเอ็นซีพี

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาร่างหนังสือและร่างสัญญาเอกสารแนบท้ายที่ประกอบด้วย เอกสารการส่งมอบพื้นที่เป็นหลัก โดยจะเสนอ กพอ.วันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) เพื่อรับทราบร่างสัญญาและร่างเอกสารแนบท้ายสัญญา และถ้า กพอ.เห็นชอบจะแจ้งกลุ่มซีพีรับทราบและไม่ต้องนัดเจรจาอีก ซึ่งเบื้องต้นกำหนดวันลงนามสัญญาตามกรอบที่รัฐบาลตั้งไว้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้

ทั้งนี้ การเจรจาเอกสารแนบท้ายร่างสัญญาในประเด็นการส่งมอบพื้นที่นั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ ยึดตามข้อกำหนดในเอกสารข้อเสนอโครงการ (RFP) ที่ระบุให้ ร.ฟ.ท.ส่งมอบพื้นที่อย่างน้อย 50% ของส่วนที่เป็นสาระสำคัญของการก่อสร้างโครงการ 2 ส่วน คือ 1.ส่วนพญาไท–ดอนเมือง และ 2.ส่วนสุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา

จบประเด็นส่งมอบพื้นที่ไฮสปีด

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ปัญหาส่งมอบพื้นที่ที่เจรจากันมานานได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว โดย ร.ฟ.ท.รับผิดชอบเคลียร์พื้นที่ 2 ส่วนหลัก คือ 1.ส่วนแรกบนดินที่มีผู้บุกรุก โดย ร.ฟ.ท.จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายโยกย้ายผู้บุกรุก ส่วนเอกชนจะรับผิดชอบการเคลียร์พื้นที่และการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างที่เหลือ ซึ่งเป็นหลักการทั่วไปของโครงการก่อสร้างที่ผู้รับเหมาจะต้องรับผิดชอบในการรื้อย้ายและเคลียร์หน้าดินเพื่อเตรียมงานก่อสร้าง

2.ส่วนใต้ดิน โดย ร.ฟ.ท.ในฐานะคู่สัญญากับเจ้าของสาธารณูปโภคในพื้นที่จะรับหน้าที่ในการบอกเลิกสัญญากับสาธารณูปโภค ซึ่งสัญญาที่ทำร่วมกับสาธารณูปโภคได้กำหนดไว้แล้วว่าบอกเลิกสัญญาได้ และเจ้าของโครงการสาธารณูปโภคจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อย้าย แต่จะต้องบอกเงื่อนไขของการรื้อย้ายให้ทราบด้วยว่า จะรื้อย้ายสาธารณูปโภคดังกล่าวไปพื้นที่ใด โดยหน้าที่กำหนดแนวทางรื้อย้ายจะเป็นของกลุ่มซีพี เพราะกลุ่มซีพีเป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง

สำหรับพื้นที่เวนคืนต้องจะดำเนินการตาม พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ซึ่งประเด็นนี้ไม่น่าหนักใจเพราะมีกรอบการดำเนินการชัดเจน โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี เพื่อรอขั้นตอนออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าว และเมื่อประกาศบังคับใช้ก็เริ่มดำเนินการเวนคืนได้เลย

ยืนยันรัฐออกค่าทุบ “โฮปเวลล์”

นายวรวุฒิ กล่าวว่า การรื้อย้ายเสา โฮปเวลล์ ในเขตพื้นที่ก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ต้องมาดูว่าเมื่อทรัพย์สินมีเจ้าของและอยู่ในเขต ร.ฟ.ท.ถือได้ว่า ร.ฟ.ท.เป็นเจ้าของ แต่ปัจจุบันโครงการโฮปเวลล์ยังมีคดีกันอยู่ ดังนั้นการรับผิดชอบส่วนนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเอกชน แต่เป็นหน้าที่ของ ร.ฟ.ท.แน่นอน โดยที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.มั่นใจว่าได้รวมเงินค่ารื้อย้ายดังกล่าวไว้ในส่วนเงินที่รัฐจะอุดหนุนแล้ว แต่เอกชนชี้แจงว่าไม่เห็นรายละเอียดการกำหนดวงเงินดังกล่าวในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประมูล

ดังนั้นการรับผิดชอบส่วนนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องมาหารายละเอียดรายการใช้จ่ายเงินอุดหนุนให้ได้ว่ารวมค่ารื้อโฮปเวลล์แล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้รวมก็จะต้องหาเงินไปชดเชย แต่เบื้องต้นยืนยันว่าได้มีการหารือกับเอกชนแล้วจึงไม่ใช่ปัญหาหลัก เป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยที่เจรจาภายหลังได้

ชง กพอ.เคาะทางออกแหลมฉบัง

เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า กทท.จะรายงาน กพอ.วันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) ให้รับทราบ คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งให้คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการแหลมฉบัง 3 เพิกถอนหนังสือที่ให้กิจการร่วมค้าเอ็นซีพีไม่ผ่านการพิจารณาข้อเสนอในซอง 2 (คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ) โดยรายงาน กพอ.เพื่อให้กำหนดแนวทางการดำเนินการหลังจากมีคำพิพากษา

“การพิจารณาแนวทางจะหลังจากนี้เป็นอำนาจของ กพอ.เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการตามที่ RFP กำหนดแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ถือเป็นอำนาจการตัดสินใจที่ทาง กพอ.จะพิจารณา ต้องรอดูก่อนว่าฝ่ายกฎหมายของทาง กพอ.จะมีความเห็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าทำตามกระบวนการถูกต้องทุกอย่างแล้วและทั้งหมดเป็นดุลยพินิจของศาล”