แอมเนสตี้เตรียมฟ้องศาลปกครอง ปมรัฐไม่รับรอง 'เนติวิทย์' เป็นกรรมการเยาวชน

แอมเนสตี้เตรียมฟ้องศาลปกครอง ปมรัฐไม่รับรอง 'เนติวิทย์' เป็นกรรมการเยาวชน

"แอมเนสตี้" เตรียมฟ้องศาลปกครอง ปมรัฐไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง "เนติวิทย์" เป็นกรรมการเยาวชน

เมื่อวันที่ 28 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล ประเทศไทย ได้ส่งจดหมายถึงสมาชิก และสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากทราบเรื่องว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย วินิจฉัยยกคำร้องอุทธรณ์ กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพฯ (อธิบดีกรมการปกครอง) ) มีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่ามีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการเป็นกรรมการสมาคมฯ สมาคมฯ ขอเรียนให้ทุกท่านทราบรายละเอียดข้อมูล ข้อเท็จจริง ดังนี้

1.เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นสมาชิกสมาคมแอมเนสตี้ฯ ตามข้อบังคับสมาคมฯ หมวดที่ 3 ว่าด้วยสมาชิก ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2555

2. ต่อมาเมื่อวันที่ 5 เม.ษ. 2561 สมาคมฯได้เปิดรับสมัครกรรมการสมาคมฯ แทนตำแหน่งที่ว่าง และเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้ยื่นสมัครเข้าเป็นกรรมการสมาคมฯ ในสัดส่วนกรรมการประเภทเยาวชน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นกรรมการสมาคมฯ ตามข้อบังคับ ข้อที่ 15 (1) สมาคมฯ จึงรับรองให้เนติวิทย์ฯ เป็นผู้สมัครกรรมการสมาคมฯ ในสัดส่วนกรรมการประเภทเยาวชน

3. ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2561ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 ของสมาคมฯ มีมติเลือกเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ ในสัดส่วนกรรมการประเภทเยาวชน

4. ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2561 สมาคมฯได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนกรรมการของสมาคมฯต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ตามคำขอที่ 49/2561

5. ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 สำนักงานเขตจตุจักร มีหนังสือที่ กท 6501/7405 ลงวันที่26 พ.ย. 2561 แจ้งว่า นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ไม่อาจรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด รายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ได้โดยชี้แจงเหตุผลมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการเป็นกรรมการสมาคมฯ รวมถึงไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการคนอื่นๆ อีก 3 ท่านที่นายทะเบียนไม่ได้โต้แย้งคุณสมบัติไว้ด้วย ต่อมาภายหลังสมาคมฯทำหนังสืออุทธรณ์กรณีดังกล่าว นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร จึงรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการคนอื่นไว้แล้ว เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562

 

6. ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561 สมาคมฯ ได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

7. ต่อมากรมการปกครองมีหนังสือที่ มท 0307.5/12277 ลงวันที่ 16 พ.ค. 2562 ชี้แจงเหตุผลเพิ่มเติมโดยอ้างว่า ได้รับข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองความมั่นคงของรัฐว่า เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12” จำนวน 4 คดี ดังนั้นจึงพิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ของเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อาจขัดกับการบริหารกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นแนวทางที่เป็นตัวอย่างให้กับบุคคลและเยาวชนทั่วไป เป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ

8. ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 สมาคมฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร และยืนยันว่าเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นกรรมการสมาคมฯ และขอให้นายทะเบียนสมาคมฯ ดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งเนติวิทย์ตามกฎหมายโดยเร็ว

9. ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2562 สมาคมฯ ได้ทำหนังสือทวงถามผลการพิจารณาอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพิกเฉยไม่ดำเนินการพิจารณาอุทธรณ์ของสมาคมฯ ภายในกำหนดระยะเวลา 90 วัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 วรรคท้าย

10. ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2562 สมาคมฯ รับทราบผลการพิจารณาว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณายกอุทธรณ์ของสมาคมฯ (ตามหนังสือกรมการปกครอง ที่ มท 0307.5/25503 ลงวันที่ 23 ก.ย. 2562)

 

สมาคมฯ ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า คณะกรรมการสมาคมฯ ได้พิจารณาเห็นแล้วว่า นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) ใช้ดุลพินิจและอำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” ประกอบกับข้อเท็จจริงพบว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาคดีอาญาจำนวน 4 คดี ในความผิดฐาน“ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12” ปรากฎว่า ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว จำนวน 2 คดี และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12 ถูกยกเลิกโดยคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2561 ข้อ 1 (7) แล้ว ทำให้คดีอาญาที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาต่อนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ไม่อาจดำเนินคดีได้อีกต่อไป และศาลไม่อาจพิพากษาและลงโทษให้เนติวิทย์ฯ มีความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าวได้อีกต่อไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ดังนั้น การที่นายทะเบียนสมาคมฯ หยิบยกเหตุผลว่า เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญาดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคมฯ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจและออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ด้วย

จึงให้ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในกรณีมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ และฟ้องร้องดำเนินคดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยวินิจฉัยอุทธรณ์ของสมาคมฯ ล่าช้าเกินกำหนดระยะเวลา ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 วรรคท้ายกำหนด

โดยสมาคมฯ คาดว่าจะดำเนินการฟ้องร้องคดีดังกล่าวต่อศาลปกครองกลางในต้นเดือนตุลาคม 2562 นี้ โดยจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้งหนึ่ง

อภิชาต พงษ์สวัสดิ์ ประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย