กลุ่ม‘เค.อี.’จับมือพันธมิตรตั้งกองรีทชูยิลด์7.6%

กลุ่ม‘เค.อี.’จับมือพันธมิตรตั้งกองรีทชูยิลด์7.6%

กลุ่มเค.อี. ดึงพันธมิตร 10 ห้างดังเมืองไทย เตรียมพร้อมแปลงสภาพ คริสตัล พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ จัดตั้ง เป็น”กองรีท บีเคอีอาร์” เริ่มออกขายพ.ย.นี้ มูลค่า 11,300 ล้าน ขึ้นแท่นใหญ่อันดับ2กองรีทรีเทล คาดอีก7ปีข้างหน้า เติบโตปีละ30%

นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เค.อี. เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท เค.อี. ผู้พัฒนาศูนย์การค้า ซีดีซี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, เดอะคริสตัล และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมู่บ้านหรู อาทิ คริสตัล พาร์ค, แกรนด์ คริสตัล ร่วมกับ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด จัดตั้งกองรีท “ BKER “ โดยการแปลงสภาพจาก Crystal property fund ที่ปัจจุบันมีสินทรัพย์เป็น ซีดีซี บางส่วน และเดอะคริสตัลบางส่วน มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท แปลงสภาพเป็น Real Estate Investment Trust หรือ REIT 

นอกจากนี้ได้ นำสินทรัพย์อื่นอีกรวม 10 โครงการ มารวมด้วย ได้แก่ ซีดีซี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, เดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา, เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์, อมอรินี รามอินทรา, แอมพาร์ค จุฬา, เพลินนารี มอลล์ วัชรพล, สัมมากร รามคำแหง รังสิต ราชพฤกษ์ และเดอะซีน ด้วยพื้นที่โดยรวม 498,365 ตร.ม.และมีพื้นที่ขายประมาณ 170,000 ตร.ม.

การจัดตั้งกองทุน BKER อยู่ระหว่างยื่นไฟล์ลิ่งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่า สามารถจัดตั้งกองทุนและเสนอขายได้ปลายเดือนพ.ย. และเริ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดฯได้เดือนธ.ค.นี้ ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(AUM) มี 11,300 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ2 ด้วยขนาดกองรีทประเภทรีเทล และ ยังคาดว่า AUM สามารถเติบโตในอนาคตได้ปีละกว่า 30% โดยการซื้อสินทรัพย์ประเภทไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ มอลล์ ปีละไม่น้อยกว่า 3-5 แห่ง หรือมีจำนวน45-50แห่งในปี2568 รวมถึงรายได้กองทุนหลังแปลงสภาพจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย3-5% จากปัจจุบันมีรายได้1,600ล้านบาทและจ่ายปันผลประมาณ600กว่าล้านบาท

ด้วยจุดเด่นของแนวคิดกองรีท BKER นี้ เกิดจากการคัดเลือกซื้อสินทรัพย์ที่มีคุณภาพทั้งรูปแบบ Lease hold โดยใช้3 แนวคิดคือ1 มีทำเลที่ตั้งที่ดี ตั้งอยู่ในชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง 2สินทรัพย์มีคุณภาพและมีมาตรฐาน มีการวางผังพื้นที่อาคารที่ดี มีความสะดวกสบายในการจอดรถ 3 มีผู้เช่าที่มีศักยภาพ ปัจจุบัน ได้มีผู้บริหารคอมมูนิตี้ มอลล์หลายแห่ง

นอกจากนี้ ยังขยายแผนงาน ด้วยการเข้าไปบริหารศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้ มอลล์อื่น ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศ ในเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชาและลาว ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนกองทุนได้7.3-7.6%และเพิ่มเป็น8-8.5%ได้ในปี2568 เป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน และสิ่งสำคัญที่สุด ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย

ด้านนายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เค.อี. กล่าวว่า แนวคิดทางการเงินของกองรีทรีเทลที่เป็นไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ และเนเบอร์ฮูด มอลล์ ว่าเป็นกองรีทที่มีความน่าสนใจในการลงทุนสำหรับปัจจุบันและอนาคต เนื่องจาก สามารถเติบโตแบบ Organic Growth คือการเพิ่มขึ้นของ อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy ) สูงถึง 95% และ อัตราค่าเช่าที่ปรับเพิ่มขึ้น เสริมด้วยการลดต้นทุนจากการมี Economy of Scale ตลอดจน Synergy ด้านต่างๆ และเติบโตแบบ Acquisition Growth โดยการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีคุณภาพที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับ อุปทานได้แก่ การเปิดห้างใหม่ของคอมมูนิตี้ มอลล์ลดลง ทำให้การแข่งขันไม่สูง ในภาพรวมเศรษฐกิจ