ตร.ไล่ล่ากระบะหนีด่าน ค้นในรถเจอ ยาไอซ์ 320 กก.

ตร.ไล่ล่ากระบะหนีด่าน ค้นในรถเจอ ยาไอซ์ 320 กก.

ตร.ไล่ล่าระทึกกระบะหนีด่าน ค้นในรถเจอ ยาไอซ์ 320 กก. มูลค่ากว่า 320 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ก.ย.62 พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ ผบก.ทล. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ ผกก.6 บก.ทล. พ.ต.ต.วิษณุ คำโนนม่วง สว.ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. นำกำลังตรวจยึดไอซ์ 320 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 320 ล้านบาท

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฯ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ ลักลอบขนยาเสพติดจากทางภาคอีสานเข้าสู่พื้นที่ กทม. โดยใช้เส้นทางในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นทางผ่าน ดังนั้น จึงได้วางแผนกระจายกำลังตั้งจุดตรวจเฝ้าสังเกตการณ์สกัดกั้นจับกุมขบวนการยาเสพติดรายนี้ ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขับรถวิทยุ เพื่อไปทำการตั้งจุดตรวจบนถนนด่านขุนทด-ชัยบาดาล ได้รถต้องสงสัยลักษณะตรงตามกับที่สายลับแจ้งมา ขับแซงหน้าไป จึงทำการขับประกบไล่ติดตาม แต่ขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าวเกิด ได้ไหวตัวทันพยายามเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อเห็นจวนตัวขบวนการยาเสพติดดังกล่าว จึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าซอยข้างทาง ก่อนทิ้งรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าป่าหญ้าข้างทางหลบหนีไปได้

 

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภายในรถพบยาเสพติดของกลางเป็นไอซ์อัดแท่งถูกบรรจุอยู่ภายในถุงชาสีเขียวทอง ซึ่งมีถุงพลาสติกและกระดาษฟรอยด์ห่อทับอีกชั้น ซุกซ่อนอยู่ภายในรถจำนวนน้ำหนักรวม 320 กิโลกรัม จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ จากตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถคันดังกล่าวเคยมีประวัติขนลำเลียงยาเสพติดจากภาคอีสานลงสู่ภาคใต้มาแล้วจำนวน 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยจะรับยาเสพติดมาจากเครือข่ายยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง(สปป.ลาว) เข้าสู่พื้นที่ประเทศไทยในแทบพื้นที่ จ.หนองคาย จากนั้นก็จะส่งต่อเข้ามาสู่พื้นที่ภาคกลางของไทย เพื่อเตรียมพักของ ก่อนจะลำเลียงส่งต่อลงไปยังภาคใต้โดยมีจุดหมายปลายทางไปยังประเทสที่สาม เพราะหากยาเสพติดล็อตนี้สามารถหลุดไปถึงประเทศที่สามได้มูลค่าทางการตลาดก็จะเพิ่มมากขึ้น 2-3 เท่าตัว

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับของกลางทั้งหมดเบื้องต้นจะทำการส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.หินดาด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการสืบหาตัวผู้กระทำผิดนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฯ ทำการตรวจสอบข้อมูลรถคันดังกล่าวอย่างละเอียด พร้อมกับไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ที่รถคันดังกล่าววิ่งผ่าน เพื่อสืบหาพยานหลักฐานขยายผลไปถึงผู้กระทำผิดต่อไป