'หญิงหน่อย' ยันฝ่ายรัฐบาลนัดส.ส.เพื่อไทยกินข้าวจริง

'หญิงหน่อย' ยันฝ่ายรัฐบาลนัดส.ส.เพื่อไทยกินข้าวจริง

"สุดารัตน์" ยันเรื่องจริงฝ่ายรัฐบาลนัดส.ส.เพื่อไทยกินข้าว เผยส่งคลิปให้ทีมกม.พรรคเตรียมดำเนินการ

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ปะธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลไม่ให้ประกันตัวนายนวัธ เตาะเจริฐสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ทำให้มีความเห็นขัดแย้งกันเรื่องความเป็นสมาชิกภาพส.ส. ว่า เรื่องนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้ ทุกอย่างให้ดำเนินการตามกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ท้าให้เปิดหลักฐานหลังมีการให้สัมภาาณ์ว่ามีหลักฐานดำเนินการเอาผิดกรณีซื้องูเห่า คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดจากกระแสข่าวจากทางรัฐบาลเอง ว่าเปิดสมัยประชุมหน้าจะมีส.ส.ย้ายไปสังกัดพรรคฟากรัฐบาลกว่า 20 คน ซึ่งวันนั้นตนให้สัมภาษณ์ชัดเจน ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่มีข้อเท็จจริง คือมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เพราะส.ส.มาเล่าให้ผู้บริหารพรรคฟังในวันเปิดอภิปรายตามมาตรา 152 ซึ่งมีการนัดส.ส.กลุ่มหนึ่งไปทานข้าวที่โรงแรมใกล้รัฐสภาฯ ในช่วงเช้า และช่วงบ่ายก็มีความพยายามนัดอีกรอบ โดยมีทั้งพูดจูงใจ และมีสิ่งจูงใจเพื่อพยายามให้เกิดการย้ายขั้ว ย้ายข้าง เพื่อรองรับพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 และหากมีการโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งเราไม่สามารถทราบได้ถ้าส.ส.ไม่มาเล่าให้ฟัง และตนมั่นใจว่า ส.ส.ที่โดนแรงจูงใจทั้งสิ่งของ และคดีความ

เมื่อกล้ามาเล่าให้ผู้ใหญ่ในพรรคฟัง ก็แสดงว่าส.ส.เหล่านั้นไม่คิดที่จะหักหลัง หรือทรยศประชาชน วันนี้ทั้งคำพูด ไลน์ และคลิปเสียงที่ส.ส.นำมาโชว์ หรืออะไรที่เป็นหลักฐานเราได้รวบรวมให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ทั้งนี้ เราไม่ต้องการข่มขู่ทางการเมือง แต่เราต้องการจะบอกว่า สิ่งที่ผู้มากบารมีในรัฐบาลทำเป็นสิ่งที่คนดีควรทำหรือไม่ สังคมควรเอาแบบอย่างหรือไม่ เพราะผิดจริยธรรม คุณธรรม ผิดกฎหมาย และเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย

“วันนั้นตนไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่มีผู้มากบารมีออกมายอมรับเหมือนว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง และพร้อมอ้าแขนรับส.ส.ที่จะย้ายพรรค ถามว่าสังคมจะยอมรับสิ่งที่เปรียบเสมือนการไปขโมยของเพื่อน แล้วบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งสังคมไทยยอมรับได้หรือไม่ ยิ่งเป็นผู้นำพรรคการเมือง ผู้นำรัฐบาล ต้องแสดงตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ใช่ออกมายอมรับในสิ่งเหล่านี้อย่างหน้าชื่นตาบาน

ดังนั้น สิ่งที่อยากถามวันนี้คือ สำนึกถึงคุณธรรม จริยธรรมต่อการเป็นผู้นำทางการเมือง และการเป็นผู้นำรัฐบาลหรือไม่ ขนาดกติกาเขียนเองทุกอย่าง แต่ก็ตั้งรัฐบาลยังได้เสียงปริ่มน้ำ ส่วนเรื่องหลักฐาน ไม่ได้อยากเอามาข่ม แต่หวังให้สามารถดำเนินการทางคดีตามกฎหมายได้” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า การฟ้องร้อง หรือการนำหลักฐานไปยื่นแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเกิดขึ้นก่อนการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณฯ หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราพยายามเต็มที่ เท่าที่จะทำได้ วันนี้การเกิดงูเห่าขึ้นอยู่กับสำนึกของผู้มีอำนาจว่าจะเป็นผู้นำที่ทำแบบนี้ต่อไปหรือไม่ ตนคิดว่า สังคมต้องพิจารณา และจะปล่อยให้เกิดความพยายามอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ เหมือนเพื่อนบ้างจ้องขโมยของอยู่ตลอดเวลา เราก็พยายามกันของเราเต็มที่ แต่ถ้าเพื่อนบ้านบอกอย่าเผลอแล้วกัน ถ้าเผลอเมื่อไหร่จะขโมยของได้แน่นอน แล้วบอกว่า ทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง สังคมต้องพิจารณาแล้วว่ามันใช่ หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องระวังของเราเต็มที่ ป้องกันตัวเองเต็มที่ทั้งทางกฎหมาย และช่องทางต่างๆ แต่โชคดีที่ส.ส.ของเราไม่กล้าทรยศประชาชน และมีจริยธรรม รวมถึงจิตสำนึกต่อสังคม

เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมในการเตรียมการเลือกตั้งซ่อมในหลายพื้นที่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ทราบว่ากรรมการบริหารพรรคกำลังหารือในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ เรายืนยันว่าเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ทั้งการพูดคุยในพรรค และการสอบถามประชาชนในพื้นที่

เมื่อถามถึงกรณี กกต. แจกใบเหลือง ใบแดง และใบดำ ซึ่งต้องส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา กังวลหรือไม่หากศาลใช้เวลาพิจารณาเกิน 1 ปี ซึ่งจะส่งต่อการคำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์​ กล่าวว่า เป็นกติกาที่พิกลพิการจึงได้รัฐบาลที่พิกลพิการแบบนี้ ที่ต้องคอยวิ่งฉกวิ่งราวกันแบบนี้ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาของพรรคฝ่ายค้านอย่างเดียว ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดวันนี้ อาจต้องแก้ไขกติกาที่ผิดเพี้ยนหรือไม่ และต้องมาจากเสียงของประชาชน ซึ่งไม่ใช่การชี้นำจากฝ่ายใด