'เรืองไกร' จี้สอบงบต้านทุจริต พ.ศ.

'เรืองไกร' จี้สอบงบต้านทุจริต พ.ศ.

"เรืองไกร" จ่อยื่น "เสรีพิศุทธ์" สอบงบการเงินสำนักพุทธ หลังอนุมัติเงินต่อต้านทุจริตให้เยาวชนจากศาลยุติธรรม ป.ป.ช. อัยการ ไปปฏิบัติธรรมอิเดีย-เนปาล ชี้อาจเป็นการใช้งบฯผิดวัตถุประสงค์ เบิกจ่ายไม่ได้จนถูกเอกชนฟ้อง

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 62 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่า ตนตรวจสอบพบข้อมูลของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พ.ศ.) ที่ระบุไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 ข้อ 16 ว่า พ. ศ.ถูกบริษัทเอกชนฟ้องในข้อหาผิดสัญญาเงินทดรองจ่าย ตามโครงการแกนนำต่อต้านการทุจริตประจำปี 2557 โดยมีการนำเยาวชนจากสำนักงานศาลยุติธรรมจำนวน 30 คน และเยาวชนจากสำนักงานป.ป.ช.จำนวน 40 คนไปศึกษาดูงานและปฏิบัติธรรม ที่ประเทศอินเดีย เนปาล ซึ่งภายหลังดำเนินการเสร็จเอกชนยังไม่ได้รับเงินตามโครงการดังกล่าว ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า กรณีการฟ้องร้องดังกล่าวจะเห็นได้ว่าอาจมีการใช้เงินพ.ศ.ไปโดยไม่ถูกต้อง จึงมีปัญหาการชำระหนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงควรมีการสอบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อไป ว่าการใช้เงินงบประมาณดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เพราะขณะนี้กำลังตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณบางรายการในลักษณะที่มีการกล่าวหาว่ามีการใช้จ่ายเงินงบประมาณผิดวัตถุประสงค์ไปแล้วหลายกรณี นอกจากหมายเหตุประกอบงบการเงินดังกล่าวแล้วยังมีเอกสารการใช้จ่ายงบประมาณของพ.ศ.ที่ควรตรวจสอบตามมาด้วยว่า มีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ตามกรณีตัวอย่างต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.54 สำนักงานป.ป.ช.ได้ขอรับเงินสนับสนุนจากพ.ศ.ไปเป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พ.ย.55 สำนักงานศาลยุติธรรมได้ขอรับเงินสนับสนุนจากพ.ศ.ไปเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 55 สำนักงานศาลยุติธรรมได้ขอรับเงินสนับสนุนจากพ.ศ.ไปเป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 55 ตามบันทึกข้อความของกองพุทธศาสนศึกษาระบุว่าสำนักงานอัยการสูงสุดได้ขอรับเงินสนับสนุนจากพ.ศ.ไปเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท

“การที่ทั้ง 3 หน่วยงานขอเงินจากพ.ศ.นั้น มีเหตุอันควรสงสัยเพื่อตรวจสอบต่อไปว่าหน่วยงานทั้ง 3 ควรใช้งบประมาณของตนเองหรือไม่ ทำไมจึงมาขอเงินสนับสนุนจากพ.ศ. และเข้าข่ายการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดเข้าข่ายฐานร่วมกันฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) ผมจะไปยื่นหนังสือให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สอบหาข้อเท็จจริงต่อไป” นายเรืองไกรกล่าว