'เทรดวอร์' กระทบดัชนีผลผลิตอุตฯ ส.ค.หดตัว 4.4%

'เทรดวอร์' กระทบดัชนีผลผลิตอุตฯ ส.ค.หดตัว 4.4%

สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ส.ค.2562 หดตัว 4.4% รับกระทบเศรษฐกิจ การค้าโลกชะลอต่อเนื่อง

นายอดิทัต วะสีนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ส.ค.2562 หดตัว 4.4% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือน ส.ค.2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน และน้ำตาล

สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่องและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) หดตัวลง 9.2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ส่วนอุตสาหกรรมที่การผลิตยังขยายตัวดี ได้แก่ Hard disk drive อาหารแช่แข็ง น้ำดื่ม สุรา และน้ำมันปาล์ม

อุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวในเดือนสิงหาคม ได้แก่ 1.Hard disk drive ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะผู้ผลิต
บางรายได้รับคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้นหลังจากการปิดฐานการผลิตที่ประเทศมาเลเซียตั้งแต่เดือน เม.ย.2562 รวมถึงการลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการพัฒนา Hard disk ความจุสูงที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

2.อาหารทะเลแช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ปลา กุ้ง และปลาหมึกแช่แข็ง ที่ได้รับคำสั่งซื้อจากตลาดในประเทศ และผู้ผลิตได้ขยายตลาดไปสู่ตลาดการค้าขายปลีกสมัยใหม่ และร้านอาหารขนาดใหญ่ รวมถึงเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดออนไลน์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานมากขึ้น

3.น้ำดื่ม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นน้ำแร่ เนื่องจากในปีก่อนผู้ผลิตบางรายปิดซ่อมบำรุงใหญ่ ประกอบกับรัฐเตรียมขึ้นภาษีความหวานรอบที่ 2 จะบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.2562 รวมถึงกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

4.สุรา ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์สุราขาวและสุราผสม เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำการตลาดโดยได้ปรับภาพลักษณ์ของสินค้าและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีการตอบรับที่ดีทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงการวางแผนขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกสุราผสมไปยังประเทศเวียดนาม พม่า ฟิลิปปินส์ และมีแผนจะขยายตลาดไปประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

5.น้ำมันปาล์ม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.89% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ ที่สภาพภูมิอากาศส่งผลให้ต้นปาล์มออกดอกและติดผลเป็นจำนวนมาก เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลปาล์มที่มีความเข้มข้นของน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้จำนวนมาก รวมถึงนโยบายภาครัฐที่ได้สนับสนุนให้มีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วประเภท B7, B10, B20 และ B100 และการผลิตไฟฟ้า