'เคน ธีรเดช' เปิดกลยุทธ์เลี้ยงลูกวัยรุ่น ต้องเปิดใจเรียนรู้-ห้ามปิดกั้นแนวคิดเด็ก

'เคน ธีรเดช' เปิดกลยุทธ์เลี้ยงลูกวัยรุ่น ต้องเปิดใจเรียนรู้-ห้ามปิดกั้นแนวคิดเด็ก

"ยุคโซเชียล การปิดกั้นเด็กไม่ใช่สิ่งที่ดี ควรยอมรับในสิ่งที่เขาสนใจ และเราก็เรียนรู้ไปกับเขา" เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ 

เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ นักแสดงชื่อดัง ในโอกาสวันเยาวชนแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษของกระทรวงศึกษาธิการ ถึงวิธีการเลี้ยงดูบุตร ที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างไร

เคน ธีรเดช เล่าว่า จริงๆ ยิ่งลูกโตขึ้น พ่อแม่ต้องให้อิสระกับลูกมากขึ้น เพราะเขายิ่งโตขึ้น เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น และมีความสนใจที่หลากหลายมากขึ้น ยิ่งในยุคนี้ การปิดกั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก ควรเปิดให้เขาได้รับรู้สิ่งต่างๆ โดยที่เราต้องดูลูกด้วยว่า สิ่งที่เขาสนใจคืออะไร แล้วก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาสนใจ ขณะเดียวกัน เราก็ต้องเรียนรู้ในสิ่งที่เขาสนใจไปด้วย 

คือไม่ใช่ห้าม ห้าม ห้าม เพราะผมเชื่อสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เด็กเขาอยากรู้จริงๆ เขาก็จะไปหาวิธีรู้ในสิ่งนั้นด้วยตัวเอง ซึ่งถ้ารู้โดยที่ไม่มีผู้ปกครองคอยดู ผมว่ามันจะแย่กว่าเดิม ดังนั้นเราต้องรู้ไปกับเขาด้วยเลย เพราะถ้าเขาสนใจสิ่งนี้ เราก็ขอเขาดูว่าสิ่งที่เขาสนใจเป็นยังไร ถ้าเราไปแสดงการปิดกั้น ผมว่ามันไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์ โลกเดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันมาเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อโซเชี่ยว หรือสื่อต่างๆ”   

เคน ธีรเดช ย้ำด้วยว่า การปิดกั้นในมุมผมไม่ใช่วิธีที่ดีเสมอไป เราต้องคอยเป็นผู้ปกครอง คอยอยู่กับเขา และคอยสนับสนุนเขามากกว่า เช่น การเล่นเกมนั้น ลูกผมก็เล่นเหมือนเด็กทั่วไป 

แต่ผมก็ต้องดู เช่น อ๋ออันนี้พ่อให้เล่นได้ เกมเป็นอย่างไร เราต้องเป็นเพื่อนกับเขา เพื่อให้เขาได้แชร์ในสิ่งที่เขาสนใจ หรือสิ่งที่เขาคิดออกมาในทุกๆ ด้าน

1_25

สอนลูกอย่างไรไม้ให้ไหลไปตามกระแสโซเชียล  

ถ้าหากถามว่า ปัจจุบันสื่อโซเชียลที่มีบทบาทมากกับชีวิตประจำวัน เราจะสอนลูกอย่างไรไม่ให้ไหลไปตามกระแส เรื่องแบบนี้ ผมว่า บางทีผมก็เข้าใจเด็กอยู่อย่างหนึ่ง เพราะพ่อแม่อาจจะบอกว่า อย่าเล่นโทรศัพท์ อย่าเอาแต่เล่นเกม แม้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่เด็กอาจจะถามว่า ถ้าไม่ให้พวกเขาเล่นเกมแล้ว จะให้พวกเขาทำอะไร ซึ่งในบางทีเราก็ต้องมีกิจกรรมให้กับเขาด้วย โดยเราต้องหาสิ่งที่พวกเขาสนใจให้เขาทำ 

เคน ธีรเดช เล่าต่อว่า พอดีลูกๆ ผมชอบเล่นกีฬา ชอบเล่นบาสเก็ตบอล เราก็พาเขาไปเล่น คือถ้าผมเจอในสิ่งที่ลูกผมเขาสนใจ นอกจากโซเชี่ยล ผมก็ต้องสนับสนุนทันที หรือต้องเห็นสิ่งนั้นมีประโยชน์ทันที ไม่ควรบอกว่าอย่าไปทำ ผมว่าต้องไม่ไปห้ามเขา 

พ่อแม่บางคนบอกว่า อันนี้ทำไม่ได้ แต่ให้ไปเรียนพิเศษอย่างเดียว ต้องเป็นการเรียนเท่านั้น ถ้าทำอย่างนี้มากไปก็จะไม่เป็นประโยชน์ เช่น เด็กบางคนอยากเล่นดนตรี อยากเต้น คือคุณต้องไม่มองว่าสิ่งที่เขาสนใจเป็นเรื่องไร้สาระ กิจกรรมอะไรก็ตามถ้าลูกสนใจเราก็ต้องสนับสนุน” 

2_24

วิธีสนับสนุนกิจกรรมที่ลูกชอบ

เคน  เล่าว่า   อย่างเช่นบาสเก็ตบอล ตั้งแต่แรกลูกผมเขามาขอเองเลย พอดีมีเพื่อนเขาไปเล่น แล้วเขามาขอผมไปลองเล่น ซึ่งเราก็จะดูได้จากสิ่งนี้ ถ้าเขาไปเล่นแล้ว ก็จะถามเขาว่าชอบไหม อยากไปเล่นอีกหรือเปล่า ผมจะไม่บังคับ ถ้าเขาบอกว่าไม่ชอบ ไม่เล่นแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะผมเชื่อว่า การบังคับให้เขาทำอะไรโดยที่ตัวเขาไม่ชอบ สุดท้ายแล้ว จะไม่เกิดคุณค่าในตัวเขา แม้เขาอาจจะทำได้ก็ได้ หรือทำได้ดี แต่แล้ววันหนึ่งก็จะทิ้งมันไป

เมื่อไหร่ที่เขาชอบจริง ผมก็จะต้องหามาให้เขาเลย ลองดูว่ามีอะไรเกี่ยวกับบาสเก็ตบอล ผมก็จะหามาให้ เช่น ลองนั่งดูการแข่งขันกับเขา ลองเปิดให้เขาดู เวลามีแข่งขันก็จะพาเขาไปดูที่สนาม ซึ่งตอนนี้เขาก็เป็นนักกีฬาของโรงเรียนทั้งสองคน

การสอนลูกให้เป็นคนดีต้องเริ่มจากครอบครัว

ส่วนความคิดเห็นในเรื่องการเรียน การสอนเด็กและเยาวชนในโรงเรียนให้เป็นคนดี มีคุณธรรมนั้น เคน ธีรเดช มองว่าความรู้เดี๋ยวนี้ค่อนข้างหาได้ง่าย กว้างด้วย อยากรู้อะไร ก็เข้าไปหาในอินเตอร์เน็ต ก็จะได้ความรู้ การแข่งขันสูง ผู้คนก็อาจจะมีค่านิยมว่า ลูกต้องเก่ง ลูกต้องเรียนนั้น ต้องรู้ทุกอย่าง ต้องแข่งกัน 

ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีในมุมหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ก็ต้องไม่ลืมในแง่ของความเป็นคนที่จะต้องอยู่ในสังคม มันต้องมีอะไรอีกในเรื่องของคุณสมบัติ เช่นการช่วยเหลือกัน การมีน้ำใจต่อผู้อื่นเป็นอย่างไร ความสามัคคี” 

ผมว่าอันดับแรกต้องมาจากครอบครัวก่อน คุณพ่อคุณแม่ ที่จะต้องทำความเข้าใจกับลูก ไม่ใช่เก่งอย่างเดียว ลูกเล่นบาสฯไม่ใช่เล่นบาสฯเก่งอย่างเดียว แต่ต้องมีน้ำใจเป็นนักกีฬาด้วย ลูกไปแข่งแล้วแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ต้องค่อยๆ บอกเขา เพราะเด็กเขาก็ไม่ได้รู้อะไรทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาอยู่แล้ว ต้องผ่านประสบการณ์ มีคนคอยชี้แนะให้เขา

   

คุณธรรมต้องเริ่มมาจากครอบครัว

เคน ธีรเดช บอกว่า  คุณธรรมต้องเริ่มมาจากครอบครัว  ถือเป็นสถาบันแรกลูกจะได้มีภูมิคุ้มกัน  เพราะว่าเด็กทุกคนสุดท้ายก็จะต้องไปเจอกับโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรือที่ไหนก็ตาม วันหนึ่งถ้าเขาไปทำงาน ถ้าเขาสตาร์ทมาดีจากครอบครัวที่อบอุ่น รักกันดี ให้รู้จักช่วยเหลือคนอื่น อย่างน้อยสิ่งเหล่านี้ก็จะติดอยู่ในตัวเขา เวลาที่เขาออกไปเจอสังคม ไปเจอโลกภายนอกจริง

กรณีที่พ่อแม่ทำงานหนักทั้งคู่ไม่มีเวลาให้ลูก

เคน ธีรเดช เชื่อว่า พ่อแม่ที่ทำงานหนักทั้งคู่ ก็มีบ้างที่ไม่มีเวลาให้ลูก ซึ่งตัวผมเองก็ทำงานเยอะ ถ่ายละคร ทำงานเยอะ แต่สุดท้ายผมก็ต้องหาเวลาให้ได้ เพราะว่าสำหรับครอบครัว ผมไม่เชื่อว่าเราจะไม่มีเวลาให้กับคนในครอบครัวเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องมีบ้าง ที่ได้มีเวลาพูดคุยกัน มีเวลากินข้าวด้วยกัน 

ผมว่า การทำงานเราก็ต้องให้เวลา ส่วนครอบครัวถ้าเราไม่มีเวลา เราก็ต้องหาเวลาให้กับครอบครัว เพราะสุดท้ายแล้ว ครอบครัวก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าหน้าที่การงาน ส่วนตัวผมแล้ว ครอบครัวมีความสำคัญมาก

3_14

มุมมองต่อการศึกษาในปัจจุบัน

เคน ธีรเดช  กล่าวว่า การศึกษาในปัจจุบันดีขึ้นมาก โดยเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะถ้าเปรียบเทียบกับสมัยที่ตัวเองเป็นเด็ก ที่ผมเจอมากับที่ลูกๆ ที่เรียนอยู่ตอนนี้ การศึกษาเปิดกว้างมากขึ้น สอนให้เด็กมีความคิดมากขึ้น ทำให้เด็กกล้าแสดงออก กล้ายกมือ กล้าตอบคำถาม กล้าเข้าไปมีส่วนร่วม 

เคน ธีรเดช ย้ำว่า การศึกษาในปัจจุบัน สอนให้คนรู้จักแสดงความคิดเห็น ถ้าผิด เราก็จะได้รู้ว่าสิ่งนั้นผิด ซึ่งก็แค่ต้องไปแก้ไข การศึกษาสามารถโปรโมทให้เด็กใฝ่รู้ได้ 

เด็กส่วนใหญ่ก็อาจจะมีความสามารถเหมือนกัน เพียงแต่บางคนเก่งมาก บางคนเก่งน้อย ซึ่งสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่า เด็กคนนี้เก่งกว่าเด็กอีกคนหนึ่ง เพราะขึ้นอยู่กับว่าใครชอบอะไรด้วย แล้วเราใฝ่รู้แค่ไหนที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เราอยากจะเป็น หรือเราอยากจะทำในอนาคต

ดังนั้น วันเยาวชนแห่งชาติในปีนี้ สำหรับเด็กๆ ผมเชื่อว่า ครอบครัวมีความสำคัญมากที่สุด คือคนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ ต้องพยายามที่จะใช้เวลาอยู่กับลูกด้วย 

ผมอยากฝากข้อคิดกับเด็กๆ ว่า พอเวลาโตแล้ว จริงอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นวัยรุ่น ก็ต้องการจะมี space มากขึ้น แต่ก็อย่าลืมที่จะเข้ามาพูดคุย และสนใจคุณพ่อคุณแม่บ้าง และอย่าลืมให้ความสำคัญกับครอบครัวด้วย”