เจน2‘พีน่า’ชูกลยุทธ์ต่อยอด เขย่าคู่แข่ง!รับเที่ยวไทยบูม

ครอบครองพื้นที่ค้าปลีกในมือจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะธุรกิจ “พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท” ซึ่งปักหลักยึดหัวหาดเมืองท่องเที่่ยวสำคัญไว้หมดแล้ว เป็น Asset!! ที่สร้างความได้เปรียบให้กับกลุ่มพีน่าเหนือคู่แข่ง ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจของทายาทรุ่น 2 ที่รอจังหวะ “ต่อยอด” ช่วงชิงโอกาส!! ท่ามกลางการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขุมทรัพย์ของประเทศไทย     

นัสวีร์ ตันติจิรสกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีน่า เฮาส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายแบรนด์พีน่า (Pena) เทนแอนด์โค(Ten & Co.) แกลลอป(Gallop) ดอช(DOSH) ดอช คิดส์ พลัส(DOSH Kids+) ดอช แฟคตอรี่ สโตร์(DOSH Factory Store) ฮอลลิวู้ด สตูดิโอ(Hollywood Studio) ทิมเบอร์แลนด์ (Timberland) และดีซี ซุปเปอร์ ฮีโร่ส์(DC Super Heroes) กล่าวว่า โรดแมพธุรกิจกลุ่มพีน่ามุ่งเติบโตอิงไปกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวผ่านการแตกไลน์ขยายธุรกิจแฟชั่น ซึ่งได้แบ่งเป็น 3 สายธุรกิจ ได้แก่ เสื้อผ้าคาแรคเตอร์ โลคัลแบรนด์ และอิมพอร์ตแบรนด์

รวมทั้งธุรกิจ “พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท” ซึ่งเตรียม “ยกเครื่อง” ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี  ปัจจุบันเปิดบริการ 9 สาขาทั่วประเทศ  นอกจากนี้ยังมีธุรกิจโรงแรม สวนสนุก (ซานโตรินี ชะอำ)  ร้านอาหาร และคาเฟ่

“ไทยเป็นตลาดศักยภาพด้านการท่องเที่ยว อะไรที่ผูกกับนักท่องเที่ยวดีหมด แม้ปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวค่อนข้างชะลอตัวก็ตาม แต่เทียบกำลังซื้อชาวไทยทัวริสต์ใช้จ่ายสูงกว่าหลายเท่าตัว”

เกมรุกของพีน่า!! หลังได้รับลิขสิทธิ์ผลิตและจำหน่ายสินค้าซูเปอร์ฮีโร่ค่ายดีซี คอมิคส์ เพื่อจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าในเครือพีน่า พร้อมลิขสิทธิ์ร้าน “ดีซี ซุปเปอร์ ฮีโร่ส์ สโตร์”  ถือเป็นร้านแฟลกชิพที่พัฒนาจากไอเดียของพีน่า เน้นความเป็น “แฟชั่น” มากกว่าซูวีเนียร์ช็อป!! ต่างจากในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นการจำกัดกรอบสินค้าและลูกค้า ขณะที่พีน่าวางคอนเซปต์ร้านผ่านความเป็น “แฟชั่นรีเทลเลอร์” ทำให้ขยายตลาดได้กว้างขวาง โดย “วอนเนอร์บรอส” พิจารณาจะนำเป็นต้นแบบในการปรับโมเดลและขยายเครือข่ายในต่างประเทศอีกด้วย 

ดีซี ซุปเปอร์ ฮีโร่ ปัจุจบันเปิดบริการ 3 สาขา เริ่มจากศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21พัทยา เมื่อปลายปี 2561 ตามด้วยเมญ่า เชียงใหม่, ไอคอนสยาม และเตรียมเปิดสาขาภูเก็ต ภายในไตรมาสแรกปีหน้า โดยจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ซูเปอร์ฮีโร่ดังค่ายดีซี คอมมิคส์ อาทิ แบทแมน, ซูเปอร์แมน, วันเดอร์ วูแมน, อาควาแมน, เดอะ โจ้กเกอร์, ฮาร์ลีย์ ควินน์ ฯลฯ โดยได้รับลิขสิทธิ์จาก “วอร์เนอร์ บรอส คอนซูมเมอร์ โปรดักส์” มีสินค้าครอบคลุมเสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน ของใช้เพื่อการเดินทาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ของสะสม ตุ๊กตา 

นอกจากนี้ยังได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเพื่อจำหน่ายผ่านร้านค้าในเครือพีน่า ได้แก่ ดอช, ดอช คิดส์ พลัส, ดอส แฟคตอรี่ สโตร์ และ ฮอลลิวู้ด สตูดิโอ ซึ่งมีเครือข่ายกว่า 40 ร้านค้าทั่วประเทศ ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย โดยคอนเซปต์ของร้านทั้งหมดเป็นร้านประเภท “มัลติคาแรคเตอร์” จำหน่ายสินค้าจากลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนจากหลากหลายค่ายในราคาเข้าถึงง่าย

พีน่า มีแผนการขยายสาขาร้านดีซี ซุปเปอร์ ฮีโร่ส์ อีก 2-3 สาขา ภายใน 2 ปีข้างหน้า เน้นทำเลเมืองท่องเที่ยว เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง  ส่วนร้านดอช และ ดอช คิดส์ พลัส  เปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วน ดอช แฟคตอรี่ สโตร์ กำหนดให้เป็นช่องทางในการระบายสินค้าตกรุ่น ด้วยคอนเซปต์ “เมก้าสโตร์” บนพื้นที่ 300-500 ตร.ม. ปัจจุบันเปิดแล้ว 3 สาขาที่พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท พัทยา, อยุธยา และเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต ต้นปีหน้าเปิดสาขาเพิ่มที่สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต

“ในการทำตลาดสินค้าลิขสิทธิ์พีน่าเน้นกิจกรรมการตลาดที่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้า และคาร์แรคเตอร์ ล่าสุด จัดงานแบทแมน ฉลองครบรอบ80ปี ซึ่งในหลายๆ ประเทศเฉลิมฉลองพร้อมกันเมื่อ 21 ก.ย. ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น แบทแมนเดย์”

ในประเทศไทย พีน่าเป็นเจ้าภาพร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมืองพัทยา สมาคมท่องเที่ยวเมืองพัทยา และศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จัดกิจกรรมแบทแมน พัทยา ไนท์รัน ให้ลูกค้ามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ ผูกติด และผูกพัน นำสู่การเป็นลูกค้าประจำ!! 

------------------------------

ยกเครื่อง‘เอาท์เล็ต’สู้ศึกยักษ์ใหญ่

การเปิดเกมรุกของ “เอาท์เล็ต” ของกลุ่มทุนไทยยักษ์ใหญ่และต่างชาติ สร้างสีสันและกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคัก และเป็นจังหวะในการเขย่าโมเดล “พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท” ครั้งใหญ่ของพีน่า  หลังจากครองสถานะหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจเอาท์เล็ตในเมืองไทยมา 20 ปี!! 

นัสวีร์ เชื่อว่า ทุกรายต่างมีจุดขายที่แข็งแรงและแตกต่าง!! บนสมรภูมินี้ หากแต่ความได้เปรียบของธุรกิจ คือ “ทำเล” ที่วันนี้กลายเป็นแต้มต่อของ “พรีเมี่ยม เอาท์เล็ท” ในทันทีจากเครือข่าย 9 แห่งบนที่ดินส่วนใหญ่ซื้อขาด!! ในขนาด 50-100 ไร่ เรียกว่านอกจากยึดทำเลงามในเมืองท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศไว้หมดแล้ว ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนหากแต่ได้เวลาเก็บเกี่ยวโอกาสมากกว่า!!