ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น

ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น

ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ไม่ชัดเจนจะเป็นปัจจัยกดดันให้ทิศทางการลงทุนมีความผันผวนต่อไป

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลง -4.46 จุด (-0.27%) ปิดที่ระดับ 1,636 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.8 หมื่นล้านบาท หลังตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของไทยเดือนส.ค.หดตัวลงแรงจากผลกระทบสงครามการค้า อีกทั้งขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนและทิศทาง Fund Flow ที่ไม่แน่นอน ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม Health, FIN และ Cons ในส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิเล็กน้อย 368 ล้านบาท รวมถึงเป็นฝั่งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,440 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 13,660 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,625 – 1,645 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้านี้หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีโดยลดลง 14 แท่นสู่ 719 แท่น รวมถึงแรงซื้อดักการทำ Window dressing ปิด 3Q19 ในช่วงสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามความกังวลการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนล้มเหลวหลังเจ้าหน้าที่จีนยกเลิกการเดินทางไปเยือนฟาร์มในมอนทานา รวมถึงปธน.ทรัมป์ระบุว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีนก่อนการเลือกตั้วปธน.สหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า นอกจากนี้ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ไม่ชัดเจนจะเป็นปัจจัยกดดันให้ทิศทางการลงทุนมีความผันผวนต่อไป ดังนั้น ยังคงแนะนำ รอซื้อเล่นรีบาวด์ช่วงอ่อนตัวเช่นเดิม

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, KTB ,SCB) ธปท.อนุมัติให้ธนาคารนำสำรองฯส่วนเกินกลับมาเป็นรายได้หรือกำไรได้
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • ERW (ปิด 5.55 ซื้อ/ เป้า 7.2 บาท)  เรามองว่าราคาหุ้นที่ลดลงกว่า 14% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนผลประกอบการที่คาดว่าจะออกมาอ่อนแอในช่วง 3Q19 ไปแล้ว จึงเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมหรือเก็งกำไรรับข่าวมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว“ชิม ช็อป ใช้” ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกในการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ 
  • BCH (ปิด 15.3 ซื้อ/เป้า 19 บาท) ราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากมองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 3Q19 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2017)

บทวิเคราะห์วันนี้

Media sector (Top pick: VGI, WORK)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) เจรจาการค้า จีน กับ สหรัฐอาจสะดุด หลังตัวแทนเจ้าหน้าที่จากจีนถูกเรียกตัวกลับก่อนกำหนด: เดิมในสัปดาห์นี้กลุ่มเจ้าหน้าที่จากจีนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรใน เมืองบอสแมน รัฐมอนทานา และเมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา เพื่อเปิดตลาดรับซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐอีกครั้ง หลังจากที่จีนประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรในช่วงก่อนหน้า แต่สถานการณ์ดังกล่าวอาจสะดุดลง หลังจากตัวแทนเจ้าหน้าที่จากจีนถูกเรียกตัวกลับก่อนกำหนด สร้างความวิตกให้กับตลาดว่าปัญหานี้จะทำให้การเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐอาจจะไม่ราบรื่นหรืออาจถูกเลื่อนหรือยุติลง
  • (-) สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังตึงเครียดหลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่: หลังจากซาอุฯประกาศผลสอบสวนระบุว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีบ่อน้ำมันของซาอุฯ ทำให้กลุ่มประเทศพันธมิตรเริ่มตื่นตัวและออกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านทันที นำโดยสหรัฐประกาศคว่ำบาตรทางการเงินต่อธนาคารกลางของอิหร่านซึ่งสหรัฐระบุว่าเป็นมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยบังคับใช้ นอกจากนี้สหรัฐยังส่งกองกำลังทหารจำนวนมากเข้าไปประจำการในตะวันออกกลางตามที่ซาอุฯและ UAE ร้องขอ เราเชื่อว่าปัจจัยนี้จะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบจทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องไปอีกจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
  • (+) มาตรการ “ชิม ช็อป ใช้” เปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์วันนี้วันแรก หนุน Sentiment การลงทุนให้กลุ่มท่องเที่ยว: ตามที่ ครม.มีมติอุนมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “ชิม ช็อป ใช้” ไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา วันนี้จะเป็นวันแรกของการเปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย. 19 โดยรับลงทะเบียน 1 ล้านคนต่อวัน ต่อเนื่องทุกวันจนกว่าจะครบ 10 ล้านคน เราคาดว่ามาตรการนี้จะสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนและเดินทางไปท่องเที่ยวกันมากขึ้นส่งผลบวกต่อธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร กลุ่มค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ SPA และ ธุรกิจให้เช่ารถ เรายังให้น้ำหนักกลุ่มท่องเที่ยวเป็น Overweight โดยมี AOT, MINT และ ERW เป็น Top pick ของกลุ่ม