จ่อสอบปมปฏิบัติหน้าที่มิชอบ “สรรเสริญ”โต้ไม่ฝักใฝ่การเมือง

จ่อสอบปมปฏิบัติหน้าที่มิชอบ  “สรรเสริญ”โต้ไม่ฝักใฝ่การเมือง

“กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ” เล็งรวบรวมเอกสารหาข้อเท็จจริง“พล.ท.สรรเสริญ” สั่งกรมประชาสัมพันธ์เป็นลายลักษณ์อักษร-วาจา โจมตีบางพรรคการเมือง ช่วงเลือกตั้ง เข้าข่ายไม่เป็นกลางหรือไม่เจ้าตัวโต้ไม่ฝักไฝ่การเมือง พร้อมชี้แจงทุกองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบ

จากกรณีที่ นายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ยื่นหนังสือให้คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ตรวจสอบพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยใช้อำนาจเพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง ด้วยสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเผยแพร่เอกสารหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงรวมทั้งมีคำสั่งให้โจมตี ‘อดีตนายกรัฐมนตรี’ ในกลุ่มไลน์กรมประชาสัมพันธ์ และความโปร่งใสการก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรมของกรมประชาสัมพันธ์ วงเงิน 25ล้านบาท

นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกกมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า กมธ.ป.ป.ช.คงจะพิจารณาว่าจะให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุมกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่หรือว่าจะให้มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ ขึ้นมาพิจารณาเบื้องต้นก่อน เพราะเรื่องนี้จะต้องมีการรวบรวมข้อเท็จจริงก่อนรวมไปถึงเอกสารต่างๆที่มีการร้องเรียนเข้ามาจนกว่าจะได้ข้อยุติว่า ได้มีการสั่งการดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีการสั่งการจริง ก็ย่อมจะต้องมีการสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็อาจจะเป็นสั่งการด้วยวาจาอยู่แล้ว

ส่วนกรณีการจัดจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรมนั้น คงต้องดูข้อเท็จจริงก่อน เพราะเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์นั้นยังไม่ได้ปรากฏในที่ประชุมกรรมาธิการฯจึงยังไม่ได้มีการพิจารณากันซึ่งเชื่อว่าในวันที่ 26 ก.ย.นั้นที่ประชุมคงจะมีการนำมาพิจารณากันว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า หากเขาไปร้องตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่เขาทำได้ ก็ร้องไป ส่วนตนมีหน้าที่ชี้แจงข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการทั้งหลายที่เขาไปร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ สำนักงานปลัดฯที่เป็นหน่วยงานบังคับบัญชาของตน ตลอดจนองค์กรอิสระ เชื่อว่าจะต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

“กรมประชาสัมพันธ์ก็พร้อมที่จะชี้แจงในเรื่องต่างๆ หากตรวจสอบมาแล้ว มีการประพฤติทุจริต ผมก็ต้องถูกลงโทษและติดคุก แต่ถ้าตรวจสอบมาแล้วไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นก็ปลอดภัย ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่นั้น ต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ตนจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายอย่างไรได้บ้าง”

ไก่อูโต้ไม่ฝักใฝ่การเมือง

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนทำหน้าที่เป็นข้าราชการการเมือง ถือเป็นหน้าที่ของตนอยู่แล้ว แต่ในวันที่ตนพ้นจากการเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นข้าราชการพลเรือนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป

“ผมไม่ได้ฝักใฝ่การเมือง เคยเห็นผมไปประชุมพรรคไหนหรือไม่ เคยเห็นกรมประชาสัมพันธ์เคยออกข่าวโจมตีพรรคนั้น เชลี่ยพรรคนี้หรือไม่ แล้วกรมประชาสัมพันธ์หน่วยงานแบบนี้มีทั้งคนที่มีความคิดในทุกมุมการเมือง ถ้าไปสั่งสุ่มก็คงโดนร้องเรียนไปนานแล้ว ข้าราชการไม่ได้มีเพียงผมเดียวหรือ 2-3 คนข้าราชการในกรมรวมลูกจ้างประมาณ 4000 คน”

สำหรับการชี้แจงถึงข้อเท็จจริงนั้น ไม่ใช่เฉพาะตนเพียงคนเดียว เพราะการปฏิบัติงานภายในกรมประชาสัมพันธ์ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตนเพียงคนเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วยข้าราชการตามอำนาจหน้าที่ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง ตนก็ไม่ใช่เป็นคนจัดซื้อจัดจ้าง ตนเป็นหัวหน้าหน่วยข้าราชการ ทุกเรื่องมีคณะกรรมการตั้งแต่ออกแบบ การจัดซื้อจัดจ้าง การรับงาน ทุกอย่างทำเป็นคณะกรรมการหมด

แจ้งนายกฯรับทราบข้อเท็จจริงแล้ว

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ได้สอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวมาแล้ว และตนได้ชี้แจงให้รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตามตนทําหน้าที่เต็มที่ตามระเบียบหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและข้อบังคับ ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่อง แต่ถ้ามีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและตนเองก็พร้อมที่จะไปชี้แจง ส่วนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานกมธ.ป.ป.ช. เตรียมที่จะประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 25 ก.ย. นี้นั้น เป็นเรื่องของท่าน เพราะเป็นบทบาทหน้าที่ หากเชิญมาก็ต้องไปให้ข้อมูลอยู่แล้ว

จ่อถกมนัญญาไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีรัฐมนตรีที่ยังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายในกำหนด 1 ราย คือ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นั้น ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ เจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้ตนเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงตามเอกสารโดยยึดข้อกฎหมายเป็นหลัก ก่อนที่จะพิจารณาทำหนังสือส่งไปถึง น.ส.มนัญญา เพื่อให้เจ้าตัวได้ชี้แจงเหตุผลที่ยังไม่ยื่น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมเรื่อง แต่ขณะนี้มีประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา คือ กรณีผู้ยื่นอาจได้รับข้อยกเว้นตามมาตรา 105 วรรคสี่ เนื่องจากเดิมผู้ยืนดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ตามกฎหมาย ป.ป.ช.2542 ซึ่งเดิมเมื่อยื่นไม่ต้องเปิดเผย จึงต้องดูเพราะกฎหมายใหม่ปี 2561 ระบุว่ายื่นแล้วต้องเปิดเผย ซึ่งถ้าเป็นไปตามกฎหมายใหม่ ทั้ง 2 ตำแหน่งจะไม่มีปัญหาเลย

“เมื่อเกิดประเด็นเช่นนี้จึงต้องพิจารณาในข้อกฎหมาย ดูว่าจะสามารถเทียบกันได้หรือไม่ จึงอาจจะมีปัญหาในเรื่องบทเฉพาะกาล ซึ่งได้ระบุว่า การตีความนั้นให้อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้ตีความตามปกติ ดังนั้น จึงต้องรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันที่ 24 ก.ย.นี้"

นายวรวิทย์ กล่าวว่า เมื่อมีรัฐมนตรีไม่ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในกฎหมายระบุว่าให้ทางเลขาธิการ ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งไป ดังนั้น ก่อนที่จะทำหนังสือแจ้งจึงต้องพิจารณาในข้อกฎหมายด้วยว่าบุคคลนั้นได้รับข้อยกเว้นตามมาตรา 105 วรรคสี่ หรือไม่ จึงต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้วินิจฉัย ถ้าวินิจฉัยว่าไม่ต้องยื่น เราก็ไม่ต้องออกหนังสือเตือน แต่ถ้าวินิจฉัยว่าต้องยื่น ฝ่ายเลขาฯ ก็ต้องออกหนังสือแจ้งเตือนไป

ศรีสุวรรณจ่อร้องสอบส.ส.เหล็กไหล

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการแสดงรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หน.พรรคไทยศิวิไลย์ ซึ่งได้แจ้งรายการทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโคตรมหาเหล็กไหลที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้าน มหาเหล็กไหล มูลค่า 300 ล้านบาท อุกกาบาต 10 ล้านบาท และพระเครื่องต่าง ๆ อาทิ พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 40 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ 30 ล้านบาท

โดยกรณีดังกล่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มูลค่าทรัพย์สินที่สูงผิดปกติ เป็นการสร้างมูลค่าลวงขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งมีหน่วยงานหรือองค์กรมาตรฐานใดให้ใบรับรองหรือไม่ หรืออาจเป็นกลเล่ห์ฉลของนักการเมือง ที่อาจใช้เป็นข้ออ้างในการฟอกเงินเพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินแบบหลอกๆไปเป็นเงินสดในอนาคต

ทั้งนี้ตนจะยื่นให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินดังกล่าว และเสนอเรื่องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เพื่อวินิจฉัย หรือป.ป.ช.ดำเนินการยื่นฟ้องเองตาม มาตรา 80 โดยจะไปยื่นคำร้องในวันที่23 ก.ย.นี้