ร้องปปช.ลงดาบ 'ช่อ-พรรณิการ์' ปมด่ารธน.เฮงซวย

ร้องปปช.ลงดาบ 'ช่อ-พรรณิการ์' ปมด่ารธน.เฮงซวย

"ศรีสุวรรณ" ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง "ช่อ-พรรณิการ์" ปมด่ารธน.เฮงซวย

เมื่อวันที่ 20 ก.ย.62 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. กรณี น.ส.พรรณิการ์ วาณิช หรือ “ช่อ” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ปราศรัยต่อหน้าสาธารณะชนด้วยถ้อยคำว่า “รัฐธรรมนูญ เฮงซวย” บนเวที "รัฐธรรมนูญนี้เพื่อใคร? รัฐธรรมนูญใหม่เพื่อคนไทยทุกคน" เมื่อ 15 ก.ย.62 ที่ จ.มหาสารคาม จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากนั้น

กรณีดังกล่าว เป็นพฤติการณ์ที่ตรงกันข้ามกับถ้อยคำที่เคยปฎิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สส. ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 115 ได้บัญญัติไว้ว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องปฏิญาณตน ในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคําที่ว่า “ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” และในรัฐธรรมนูญ 2560 ก็บัญญัติบริบทที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่คนไทยเทิดทูลไว้หลายมาตรา อาทิ ม.2 , 6, 7, 8, 9, 10, 13, 122, 161, 175, 176,177, 179, 180, 190 และ ม.191

ดังนั้น การที่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวถ้อยคำที่ว่า “เพราะรัฐธรรมนูญนี้เฮงซวยทุกมาตรา” นั้นจึงอาจจะกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยที่เทิดทูลพระมหากษัตริย์ ที่บัญญัติไว้ในมาตราต่างๆข้างต้นด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะสังคมอาจตีความกันไปต่างๆนานาได้ และอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่กำหนดข้อห้ามไว้ตามมาตรฐานทางจริยธรรม 2561 ข้อ 5 และข้อ 6 ที่ระบุไว้ว่า ส.ส. ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน และหรือไม่แสดงความคิดเห็น หรือให้ข้อมูลต่อสื่อสาธารณะ หรือสาธารณชนอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสียความเป็นธรรมแก่การปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งการไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง เป็นต้น

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวนและตรวจสอบการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ต่อไป และหาก ป.ป.ช.วินิจฉัยว่าเข้าข่ายก็จะต้องส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยและหรือลงโทษตามกฎหมายสูงสุดต่อไป นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด