อสังหาฯแห่รุกบ้านเดี่ยว ผลวิจัยชี้บ้าน10ล้าน“ยังโต”

อสังหาฯแห่รุกบ้านเดี่ยว ผลวิจัยชี้บ้าน10ล้าน“ยังโต”

พลัสฯ  เผยผลวิจัยบิ๊กดีเวลลอปเปอร์ แห่รุกตลาดบ้านเดี่ยว ปรับกลยุทธ์บุกตลาดเรียลดีมานด์ บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังโต หลังตลาดกลางล่าง เผชิญปัจจัยลบกำลังซื้ออ่อนแรง จากเศรษฐกิจชะลอตัว

นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาในปี 2562 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หันมาพัฒนาโครงการที่เป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดบ้านเดี่ยวช่วงครึ่งปีแรก 2562 เติบโตดีขึ้นทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนๆ แต่ชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2561 

เนื่องจากการเร่งระบายสินค้าก่อนที่นโยบายการปล่อยสินเชื่อใหม่จะเริ่มใช้ในช่วงต้นปี 2562 โดยในรอบสำรวจนี้มีอุปทานเสนอขายรวมเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโครงการเปิดใหม่และโครงการเก่าที่เปิดจำนวนยูนิตขายเพิ่มขึ้น มีจำนวนทั้งสิ้น 16,369 ยูนิต ในขณะที่อุปสงค์รวมเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 6,198 ยูนิต หรือมีอัตราการขายเท่ากับ 38%

ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยฯ ยังพบว่า กลุ่มราคาที่เติบโตต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 ได้แก่ บ้านเดี่ยวระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์มาพัฒนาโครงการที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตามระดับราคาดังกล่าวมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกันระดับราคาอื่นๆ ในตลาดบ้านเดี่ยว

ขณะที่ภาพรวมของบ้านเดี่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 มีอุปทานรวม 16,369 ยูนิต แบ่งเป็น ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีจำนวนสูงสุดถึง 35% (5,671 ยูนิต) รองลงมาคือ 5-7 ล้านบาท จำนวน 31% (5,065 ยูนิต) ระดับราคา 7-10 ล้านบาท มี 15% (2,515 ยูนิต) ราคา 10-20 ล้านบาท จำนวน 10% (1,709 ยูนิต) ราคา 20-40 ล้านบาท มี 4% (711 ยูนิต) ราคา 30-40 ล้านบาท มี 2% (305 ยูนิต) ราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป 2% (300 ยูนิต) และราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มี 1% (93 ยูนิต)

ขณะเดียวกันอุปสงค์รวมของครึ่งปีแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 6,198 ยูนิต หรือคิดเป็นยอดขาย 38% จำนวนอุปสงค์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 16% จากช่วงครึ่งหลังปี 2561 เนื่องจากการมีการเร่งระบายสินค้า ก่อนจะเริ่มใช้นโยบายสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ในต้นปี 2562 ซึ่งส่งผลให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในรอบสำรวจนี้จำนวนอุปสงค์ปรับเพิ่มขึ้นในทุกระดับราคาเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ระดับราคาที่ได้รับการตอบรับหรือมีดีมานด์ที่เพิ่มมากขึ้นอันดับต้นๆได้แก่ บ้านเดี่ยวในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นราว 40% มาอยู่ที่ 1,158 ยูนิต