ลุ้น 'กบง.'ชี้จบนำเข้าแอลเอ็นจี

ลุ้น 'กบง.'ชี้จบนำเข้าแอลเอ็นจี

“สนธิรัตน์” ยังไม่สรุปล้มดีลนำเข้าแอลเอ็นจี กฟผ. ปริมาณ 1.5 ล้านตันต่อปีชี้ต้องรอรายงานผลเจรจา ปิโตรนาสฯ ชง กบง.อีกครั้ง

     นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กรณีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เปิดประมูลนำเข้า 1.5 ล้านตันต่อปีขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะล้มการประมูลดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งยังต้องรอผลการเจรจาของ กฟผ. กับ บริษัท ปิโตรนาส แอลเอ็นจี จำกัด จากประเทศมาเลเซีย ที่เป็นผู้ชนะประมูลก่อนโดย กฟผ.จะต้องนำผลการเจรจาดังกล่าวมารายงานในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)อีกครั้ง

      “การหารือร่วมกับผู้บริหารกฟผ.ที่มาเข้าพบเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2562 ก็เป็นการพูดคุยทั่วไป ส่วนเรื่องการล้มประมูลLNG หรือไม่ ต้องไปดูตามรายละเอียดมติกบง.เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้ที่ตอบได้ คือ ข้อกำหนดของรัฐบาลที่เปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้คลังและท่อก๊าซของ ปตท.(Third Party Access : TPA)เป็นนโยบายรัฐบายไม่ยกเลิกแน่นอน”

        นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการจัดตั้งคณะกรรมกร(บอร์ด)ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะประเมินจากผลการทำงานที่มีหลักเกณฑ์ชี้วัดผลการปฏิบัติงานอย่างชัดเจน

         โดยในส่วนของการแต่งตั้งบอร์ด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะพยายามเร่งรัดนำเสนอการแต่งตั้งนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน บอร์ด กฟผ. แทนนายดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้ทันภายในวันที่ 24 ก.ย.นี้ เพื่อให้ บอร์ด กฟผ. สามารถดำเนินการจัดประชุมอนุมัติแผนงานต่างๆ ได้โดยเร็ว

         “ตั้งแต่ ผมเข้ามาบริหารกระทรวงพลังงาน ยังไม่มีการปลดใครออกจากตำแหน่ง และการพิจารณาครั้งนี้ จะดูทุกบอร์ดให้มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น และยึดตามหลักเกณฑ์การประเมิน”

         รวมถึง การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน (กองทุนอนุรักษฯ) เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการบริหารงานด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหากมีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิของบอร์ดกองทุนอนุรักษ์ฯ เรียบร้อยแล้ว จะได้เร่งเดินหน้าเปิดให้โครงการยื่นขอสิทธิใช้เงินประจำปี 2563 หลังจากที่ล่าช้าไปจากแผนเดิมไปเล็กน้อย