"เอไอ" หนุน “เกษตร-สวล.” ดันจีดีพีโลก 5 ล้านล้านดอลล์.

"เอไอ" หนุน “เกษตร-สวล.” ดันจีดีพีโลก 5 ล้านล้านดอลล์.

พีดับบลิวซี เผยประยุกต์ใช้เอไอภาคการเกษตร พลังงาน ขนส่ง สิ่งแวดล้อม ดันจีดีพีโลกเพิ่ม 5 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างงานมากถึง 38 ล้านตำแหน่งทั่วโลกภายในปี 2573

นางสาววิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัทพีดับบลิวซี ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน How AI can enable a sustainable future ที่ทำโดยทีมวิจัยพีดับบลิวซี สหราชอาณาจักร ศึกษาโอกาสทางธุรกิจจากการนำเอไอมาใช้ เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และลดปล่อยก๊าซมลพิษปัจจุบันจนถึงปี 2573 พบว่า ศักยภาพเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ มีมากมายมหาศาล มีการนำเอไอมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อนำไปสู่การจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กริด หรือสายส่งพลังงานสะอาดแบบกระจายที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ การทำเกษตรอัจฉริยะ การจัดการห่วงโซ่อุปทานยั่งยืน การติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการบังคับใช้ รวมถึงการพยากรณ์อากาศและภัยพิบัติ รวมทั้งแนวทางการตอบสนอง ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของการนำเอไอมาใช้

การศึกษานี้ จำลองเหตุการณ์การประยุกต์ใช้เอไอใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย เกษตร ขนส่ง พลังงาน และทรัพยากรน้ำ โดยคาดว่า การประยุกต์ใช้เอไอเพื่อสิ่งแวดล้อมใน 4 อุตสาหกรรมนี้ ช่วยผลักดันให้มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีโลกสูงขึ้นถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 159 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573

ขณะเดียวกัน คาดว่า เอไอจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้ 4% เป็นจำนวนเท่ากับ 2.4 Gt CO2e (เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายปีของออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่นรวมกัน ภายในปี 2573) ทั้งยังคาดว่า ภายในปี 2573 เอไอจะช่วยสร้างงานใหม่ให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจโลกถึง 38.2 ล้านตำแหน่ง ส่วนใหญ่เป็นอาชีพงานที่ต้องใช้ทักษะทางด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก

นางสาวซีลีน เฮอร์วายเยอร์ หัวหน้าสายงาน Global Innovation & Sustainability ของพีดับบลิวซี สหราชอาณาจักร กล่าวว่า เอไอจะเข้ามาช่วยให้ระบบเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของเราให้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต ซึ่งรายงานฉบับนี้สะท้อนถึงศักยภาพของเทคโนโลยีเกิดใหม่ ที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโดยตรงจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระยะใกล้และระยะยาว

ทั้งนี้ หากพิจารณาระดับทวีปพบว่า ภายในปี 2573 เอไอจะมีศักยภาพในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทวีปอเมริกาเหนือได้มากที่สุด ตามด้วยยุโรป ขณะเดียวกัน เอไอจะสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นมากที่สุดในทวีปยุโรป ขณะที่ในละตินอเมริกาและภูมิภาคที่มีพื้นที่อยู่ในแอฟริกาและอยู่ใต้ทะเลทรายซาฮาราจะเป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากศักยภาพของเอไอน้อยที่สุด อย่างไรก็ดี พวกเขาจะได้ประโยชน์มากขึ้น ก็ต่อเมื่อมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

รายงานระบุ ด้วยว่า การประยุกต์ใช้เอไอในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน และขนส่ง จะส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด โดยประโยชน์ของเอไอในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยังรวมถึงการลดการใช้พลังงาน ระบบออโตเมชั่นของงานที่ทำด้วยมือ หรืองานที่ทำเป็นประจำ และยังสามารถช่วยลดการปล่อยพลังงานต่อหน่วยจีดีพีได้ถึง 6-8% ภายในปี 2573 เมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินธุรกิจตามปกติ