PYLON - ซื้อ

PYLON - ซื้อ

เผชิญอุปสรรคในระยะสั้น แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะกลาง

Event

Opportunity day.

lmpact

backlog ทำสถิติสูงุดใหม่ที่ 1.5 พันล้านบาทจากโครงการสร้างศูนย์ประชุมสิริกิต์ิแห่งใหม่

PYLON รายงานว่ายอด backlog เมื่อสิ้นเดือนกันยายน 2562 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.5 พันล้านบาท หลังจากที่ได้งานใหม่ในโครงการสร้างศูนย์ประชุมสิริกิต์ิแห่งใหม่ ทั้งนี้ backlog ในปัจจุบันจะสร้างรายได้ให้บริษัทไปได้จนถึง 2Q63 ในขณะที่ยังมีโครงการภาครัฐอีกหลายโครงการที่น่าจะเซ็นสัญญาได้ในปลาย 3Q62-4Q62 อย่างเช่น i) รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (คาดว่า backlog ของงานที่เน้นใช้แรงงานจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท) ii) ทางด่วนพระราม III – ดาวคะนอง iii) ทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว และ iv) รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่างานก่อสร้างของโครงการๆ ต่าง ๆ ข้างต้นจะเริ่มใน 2H63 เรามองว่า backlog ที่รออยู่อีกเพียบจากทั้งโครงการภาครัฐและโครงการประเภท mixed use เชิงพาณิชย์เกินพอที่จะชดเชยโครงการที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มลดลง

คาดว่ากำไรใน 4Q62 จะสูงสุดในขณะที่ 3Q62 น่าจะใกล้เคียงกับ 2Q62

กำไรสุทธิใน 2Q62 ลดลง 43% QoQ เนื่องจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างของบางโครงการอย่างเช่น โครงการคอนโดมิเนียม ในขณะที่เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q62 จะทรงตัว QoQ อย่างไรก็ตามโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมสิริกิต์ิแห่งใหม่จะเริ่มใน 4Q62 และกำหนดเสร็จใน 1H63 เราคาดว่าอัตราการใช้งานอุปกรณ์จะเพิ่มขึ้นจาก 18-20 ชุดใน 3Q62 เป็น 25 ชุดใน 4Q62 และ 30 ชุดใน 1Q63

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2562-63 ลง 20.1% และ 22.0% จากการปรับกรอบเวลาโครงการภาครัฐและความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างของโครงการที่อยู่อาศัย

เราปรับลดประมาณการรายได้ปี 2562-63 ลง 9.8% และ 4.5% เพื่อสะท้อนถึงความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างของโครงการที่อยู่อาศัย และความล่าช้าของกระบวนการประมูลโครงการภาครัฐ (ทางด่วนพระราม III – ดาวคะนอง, รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว) ทั้งนี้ ประมาณการรายได้ใหม่ในปี 2562 ของเราสอดคล้องกับเป้ าของผู้บริหารที่ 1.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2562-63 ลงจากเดิมที่ 25.1% และ 24.5% เหลือ 23.7% และ 24.0% ตามลำดับ เนื่องจากมีสัดส่วนของ backlog ที่เน้นใช้แรงงานรวมวัสดุ 86% ของbacklog รวม ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-63 ลง 20.1-22.0%

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 ที่ 6.60 บาท อิงจาก PER ที่ 20.0x (PER เฉลี่ยระยะยาว) เรามองว่า backlog ในปัจจุบันเพียงพอที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทสำหรับปีนี้ทั้งปี แล้ว ในขณะที่ upside ของ backlog ในระยะสั้นจะมาจากโครงการรถไฟฟ้ า MRT สายสีชมพูและเหลืองส่วนต่อขยายและโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เรามองว่าธุรกิจเสาเข็มและฐานรากจะอยู่ในขาขึ้นต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยสามปี

Risks

ความวุ่นวายทางการเมือง, ความล่าช้าของการก่อสร้างและการลงทุน, ผลกระทบจากมาตรการ LTV