เปิดจุดยืนนานาชาติลดก๊าซคาร์บอน

เปิดจุดยืนนานาชาติลดก๊าซคาร์บอน

สหภาพยุโรป อียูให้คำมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% จากทศวรรษ 90 ภายในปี 2573

แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติจะจัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลกอีกครั้งในวันที่ 23 ก.ย. เนื่องจากประเทศปล่อยมลพิษรายใหญ่ๆ ของโลก ยังทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปารีสว่าด้วยโลกร้อน ปี 2558 น่าติดตามว่า ประเทศใหญ่ๆ ดำเนินการเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว เริ่มต้นจาก

จีน เดินหน้าบรรลุเป้าหมายควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2573 หรืออาจทำได้เร็วกว่านั้น รวมทั้งกำหนดเป้าหมายว่าในอนาคตจะใช้พลังงานที่ไม่ใช่พลังงานฟอสซิล (พลังงานหมุนเวียนและนิวเคลียร์) 20% แต่เป้าหมายนี้ยังดูห่างไกลความจริงอยู่มาก

สหรัฐ สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา สหรัฐให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงจาก 26% เป็น 28% ภายในปี 2568 เทียบกับปี 2548 แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในปี 2560 จะถอนตัวจากข้อตกลงปารีส (อย่างไรเสียสหรัฐก็ยังเป็นภาคีไปจนถึงปี 2563) เท่านั้นยังไม่พอทรัมป์ยกเลิกแผนการที่โอบามาเคยทำไว้ทันที ฉีกแผนจำกัดโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมถึงการปล่อยก๊าซของรถยนต์ และอื่นๆ

สหภาพยุโรป อียูให้คำมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% จากทศวรรษ 90 ภายในปี 2573

คณะกรรมาธิการยุโรปคาดว่า เป้าหมายแค่นี้ทำได้ไม่ยาก จึงอยากให้รัฐสมาชิกกำหนดเป้าหมายที่ยากกว่านี้ ด้วยการปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ภายในปี 2593 แต่สมาชิกยังไม่เห็นพ้องกัน จึงต้องเจรจากันต่อไป

หันไปมองประเทศเล็กอย่างภูฏานและซูรินาม ผลการศึกษาของเอ็นเนอร์จีแอนด์ไคลเมต อินเทลลิเจนซ์ ยูนิตของอังกฤษ เผยแพร่เมื่อเดือน มิ.ย. ระบุว่า สองประเทศนี้ปล่อยคาร์บอนเป็นกลางไปเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายถึงเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเท่ากับศูนย์ หลายประเทศก็ตั้งใจเป็นแบบนี้บ้าง ตั้งเป้าเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 หรือเร็วกว่านั้น

ประเทศที่กำหนดเป้าหมายลดคาร์บอนไว้ในกฎหมายของตน หรือรับปากว่าจะปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของข้อตกลงปารีสที่ระบุปีไว้ชัดเจน เช่น นอร์เวย์ อุรุกวัย ภายในปี 2573, สวีเดน รัฐแคลิฟอร์เนีย (สหรัฐ) ภายในปี 2588, ฟิจิ ฝรั่งเศส (ส.ว.จะลงมติครั้งสุดท้ายในเดือน ก.ย.) และสหราชอาณาจักร ภายในปี 2593

แต่การกำหนดเป้าหมายไว้เช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า ประเทศจะทำได้ตามนั้น ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วกรณีฝรั่งเศส องค์กรรัฐบาลแห่งหนึ่งสรุปชัดว่า สิ่งที่รัฐบาลปารีสทำจนถึงขณะนี้ยังไม่เพียงพอจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ตั้งใจไว้ได้