ป.ป.ท.รับไต่สวนทุจริตปลูกป่าแก่งกระจาน

ป.ป.ท.รับไต่สวนทุจริตปลูกป่าแก่งกระจาน

บอร์ด ป.ป.ท. มีมติตั้งคณะอนุกก.ไต่สวนคดีทุจริตงบปลูกป่าฯแก่งกระจาน 4,200 ไร่ พร้อมเร่งสำนวนคดีเจ้าหน้าที่อุทยานเผาบ้าน “ปู่คออี้” ให้เสร็จภายใน 3 เดือน

พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า บอร์ด ป.ป.ท.ได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงความผิดคดีทุจริตปลูกป่า 4,200 ไร่ ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ว่าจ้างบริษัทเอกชนคู่สัญญาในวงเงิน 15 ล้านบาท ตามขั้นตอนหลังตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามกรอบระยะเวลาที่กฏหมายกำหนด และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายชี้แจงข้อเท็จจริง อย่างไร็ตาม ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ป.ป.ท ภาค 7 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่นายสมัคร ดอนนาปี อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ฯ ได้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ท. ตรวจสอบคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 โดย ป.ป.ท. ประสานให้ศูนย์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ดีเอสไอ นำโดรนขึ้นบินตรวจสอบ และวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ พบร่องรอยการนำกล้าไม้เข้าไปปลูกป่าจริง แต่ปลูกไม่ตรงตามแปลงที่ได้ขออนุมัติกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อีกทั้ง เป็นการปลูกป่าในพื้นที่แค่ 1-2 ไร่ ซึ่งไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ 4,200 ไร่

ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเผาบ้านปู่คออี้นั้น เลขาธิการฯ ป.ป.ท. กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบอร์ดฯป.ป.ท.มีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมกรณีดังกล่าวแล้ว โดย ขณะนี้ทางป.ป.ท ได้ส่งพนักงานสอบสวนลงพื้นที่เพื่อสอบปากคำพยานและหาหลักฐานในพื้นที่เพิ่มเติมจากข้อมูลเดิมที่เคยมีอยู่แล้วในปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

สำหรับคดีเผาบ้านชุมชนกะเหรี่ยงนั้น ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ สามารถใช้ดุลพินิจอื่น ไม่ใช้มาตรการที่มีความรุนแรงกระทำต่อสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของได้ แม้จะมีกฎหมายให้อำนาจไว้ก็ตาม และการเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สิน จึงทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องสูญเสียปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ถือเป็นพฤติการณ์ที่มีความร้ายแรงกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิในการดำรงชีวิตและสิทธิในทรัพย์สินอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย