น้ำมันพุ่งแรง

น้ำมันพุ่งแรง

คาดดัชนีจะมีแรงขายทำกำไรในช่วงดีดตัวขึ้นจากความกังวลทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังมีความแน่นอนรวมถึงศาลรธน.จะวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯของพลเอกฯประยุทธ์ในวันที่ 18 ก.ย.นี้

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ปิดบวกเล็กน้อย +1.28 จุด (+0.08%) ปิดที่ระดับ 1,662 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นล้านบาท โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment บวกจาก Trade war ที่ผ่อนคลายลงไปมาก รวมถึง ECB กลับมาใช้ QE 2 หมื่นล้านยูโร/เดือนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามมีแรงขายกลุ่มธนาคารที่ราคาดีดตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้กดดันดัชนีให้เหลือปิดบวกเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 400 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 17,716 สัญญา และเป็นฝั่งซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 12,956 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,670 - 1,675 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว จากแรงหนุนกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรงตอบรับเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของซาอุฯซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรือกว่า 50% ของการผลิตทั้งหมดของซาอุฯและ 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ยังมี sentiment บวกจากคาดการณ์ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็น 2% ในการประชุมวันที่ 17 – 18 ก.ย.นี้ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อทิศทางดัชนี อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะมีแรงขายทำกำไรในช่วงดีดตัวขึ้นจากความกังวลทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังมีความแน่นอนรวมถึงศาลรธน.จะวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯของพลเอกฯประยุทธ์ในวันที่ 18 ก.ย.นี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Global play (PTTEP, TOP ,IVL ,KCE ,HANA ) อานิสงส์สถานการณ์ Trade war ที่ผ่อนคลายลง
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTEP (ปิด 122.5 ซื้อ/เป้า 160 บาท) ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงประมาณ 5-6 $/bbl จากข่าวแหล่งผลิตน้ำมัน 2 แห่งของซาอุฯ ถูกโจมตีคาดกระทบการผลิตน้ำมันและก๊าซฯ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรือกว่า 50% ของการผลิตทั้งหมดของซาอุฯและ 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
  • PTTGC (ปิด 54.75 ซื้อเก็งกำไร/เป้า IAA Consensus 67.8 บาท) เหตุโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันดิบในซาอุฯกระทบ Supply วัตถุดิบในการผลิตปิโตรฯกดดันให้โรงปิโตรฯต้องหยุดผลิตตามไปด้วยส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ปิโตรฯออกสู่ตลาดลดลงหนุนราคาเพิ่มเป็นบวกต่อกลุ่มปิโตรฯ มอง PTTGC ได้ประโยชน์มากสุดเพราะใช้ก๊าซฯเป็นวัตถุดิบราคาจะขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ แนฟทราซึ่งราคาจะเพิ่มขึ้นตามน้ำมันทันที

บทวิเคราะห์วันนี้

Energy sector (Top pick: PTTEP, SPRC, TOP), Macro Wizard (พลังงานกับแบงค์จัดไป)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - ได้ Sentiment บวกจากข่าวบ่อน้ำมันใหญ่ที่สุดของโลกในซาอุฯ ถูกโดรนติดอาวุธโจมตี: ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาตร์ในตะวันออกกลางกลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยของซาอุดีอาระเบีย แจ้งว่าบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ 2 แห่งของ บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดของโลกถูกโดรนติดอาวุธโจมตีก่อให้เกิดความเสียหายและต้องหยุดผลิตเป็นการชั่วคราว เหตุการณ์นี้หนุนให้ราคาน้ำมันดิบเช้าวันนี้พุ่งแรงกว่า 5.5-6$/bbl (+10%) เนื่องจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง มีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 8.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่า 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของซาอุฯ และคิดเป็น 5% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบของโลก การหยุดผลิตจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบของโลกเข้าสู่ภาวะตึงตัวทันที (ต้องติดตามผลเสียหายที่เกิดขึ้นและระยะเวลาในการหยุดการผลิต) ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจ น้ำมัน โรงกลั่นและ ปิโตรฯ โดยตรง TOP pick: PTTEP, TOP และ IVL และอีกตัวที่น่าสนใจวันนี้คือ PTTGC (ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบต้นทุนจะถูกกว่าแนฟทา)
  • (-) กลุ่มโรงไฟฟ้า - ยังมีแรงกดดันจาก Bond yield ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมสภาพคล่องเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนหุ้น GPSC: ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond yield) 10  ปี ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.9% สูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง ปัจจัยนี้จะยังกดดัน Sentiment การลงทุนในหุ้น Defensive โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคาปรับขึ้นร้อนแรงในปีนี้ขณะที่ Valuation เริ่มตึงตัว นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนนี้ยังมีแรงกดดันจากการเตรียมสภาพคล่องสำหรับการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของหุ้น GPSC  อัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 0.8819 หุ้นเพิ่มทุน ราคา 56 บาท มูลค่า 7.4 หมื่นล้านบาท จ่ายชำระค่าหุ้น 30 ก.ย.- 4 ต.ค.19  จึงเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้าเพื่อเตรียมสภาพคล่องไว้สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มทุนดังกล่าวกลุ่มโรงไฟฟ้าเรายังเลือก GPSC และ EA เป็น Top pick
  • (+/-) สัปดาห์นี้ติดตาม Fed meeting และติดตามศาลรัฐธรรมนูญตัดสินประเด็น คุณสมบัติของนายกฯ: เราและตลาดส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ และมีลุ้นว่า Fed อาจจะนำ QE กลับมาใช้เหมือนกับ ECB ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการเมืองในประเทศให้ติดตาม โดยเฉพาะในวันที่ 18 ก.ย.19 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำตัดสินต่อประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯได้หรือไม่