ECB เตรียมใช้ QE

ECB เตรียมใช้ QE

ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ปรับตัวลง -13.35 จุด (-0.80%) ปิดที่ระดับ 1,660 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7 หมื่นล้านบาท จากแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีไม่สามารถผ่าน High เดิม 1,680 จุด รวมถึงถูกแรงขายลดความเสี่ยงในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, ค้าปลีก และ ICT ที่ปรับตัวขึ้นแรงจน Valuation ตึงตัว นอกจากนี้ยังมีโมเมนตัมเชิงลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงกดดันดัชนีอีกด้วย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 1,065 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 2,050 สัญญา แต่เป็นฝั่งซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,613 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,665 - 1,670 จุด ตอบรับสถานการณ์ Trade war ที่ผ่อนคลายลงหลังมีกระแสข่าวสหรัฐกำลังพิจารณาทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวกับจีน รวมถึงจีนจะเริ่มซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่จะจัดขึ้นในต้นเดือนต.ค. นอกจากนี้ ECB ผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยแม้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% แต่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธพ.ฝากไว้กับ ECB ลง 0.10% เป็น -0.5% รวมถึงใช้ QE วงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือนตั้งแต่เดือนพ.ย.แบบไม่กำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม Global play (PTTEP, TOP ,IVL ,KCE ,HANA ) อานิสงส์สถานการณ์ Trade war ที่ผ่อนคลายลง
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • หุ้น Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • RJH (ปิด 26.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 32.2 บาท) เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางถึงเล็กที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นที่สุดในปีนี้ โดยตลาดส่วนใหญ่คาดกำไรสุทธิปี 19 ประมาณ 350 -380 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50-60%yoy ขณะที่ PE ซื้อขายเฉลี่ยที่ระดับ 20 เท่า ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 25-30 เท่า
  • CK (ปิด 23.5 ซื้อเก็งกำไร/เป้า IAA Consensus 31 บาท) เก็งกำไรข่าว รฟท. นัดกลุ่ม CP เซ็นสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สิ้นเดือน ก.ย.นี้ คาด CK เต็งหนึ่งได้งานก่อสร้างเพราะถือหุ้นอยู่ในกลุ่ม CP อยู่แล้ว หากได้งานนี้จริงจะช่วยปลดล็อกปัญหางานในมือ (Backlog) ที่อยู่ในระดับต่ำออกไป ขณะที่ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน 2Q19 ไปแล้ว

บทวิเคราะห์วันนี้

PYLON (ปิด 5.45 ซื้อ/เป้า 7)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ECB ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.1% และนำ QE กลับมาใช้ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตร 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เริ่ม 1 พ.ย.19: ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ตามเดิม แต่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับธนาคารกลางลงสู่ระดับ -0.50% จากเดิมที่ระดับ -0.40% และยังประกาศนำโครงการ ซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) กลับมาใช้อีกครั้ง โดย ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนแบบไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ เริ่ม 1 พ.ย.19 ถือเป็น Sentiment บวกกับตลาดจากสภาพคล่องที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหรือมีเงินใหม่ (New money) เข้าสู่ตลาดเพิ่ม
  • (-) น้ำมันดิบลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ข่าวสหรัฐลดการคว่ำบาตรอิหร่านยังกดดัน และผิดหวัง OPEC ยังไม่หารือประเด็นลดกำลังการผลิต: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 66 เซนต์ (-1.2%) ปิดที่ 55.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ตลาดยังกังวลกับข่าวที่สหรัฐจะมีการประชุมร่วมกับอิหร่านในช่วงปลายเดือนนี้ซึ่งคาดว่าจะปูทางไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ซึ่งจะทำให้ปัญหาอุปทานตึงตัวลดลง นอกจากนี้นักลงทุนยังผิดหวังต่อการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงของโอเปก (JMMC) ซึ่งไม่ได้มีการหารือถึงแผนปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบ
  • (+/-) สัปดาห์หน้าติดตาม Fed meeting คาดลดดอกเบี้ย 0.25% และนำ QE กลับมาใช้ ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศติดตามศาลรัฐธรรมนูญตัดสินประเด็น คุณสมบัติของนายกฯ: เราและตลาดส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมของเฟดที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ และมีลุ้นว่า Fed อาจจะนำ QE กลับมาใช้เหมือนกับ ECB ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเป็น Sentiment ให้กับตลาดต่อเนื่องไปอีกในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการเมืองในประเทศให้ติดตาม โดยเฉพาะในวันที่ 18 ก.ย.19 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำตัดสินต่อประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯได้หรือไม่