เด็กเยาวชนติดหนี้พนันเกือบ 1 แสนคน

เด็กเยาวชนติดหนี้พนันเกือบ 1 แสนคน

เด็กเยาวชนไทยเล่นพนัน 3.64 ล้านคน ติดหนี้เกือบ 1 แสนคน วงเงิน 335ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 3,500บาทต่อคน กว่า 51 %อยากเล่นพนันออนไลน์ หวั่นการพนันออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก ชงไทยยกระดับ “ปัญหาพนัน” เป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.62 ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์ชาติกับการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากพนันออนไลน์” ในการเสวนา “1 ทศวรรษ รมพลีงป้องกันเด็กและเยาวชนจากการพนันออนไลน์” จัดโดยสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยว่า สถานการณ์ปัญหาการพนันและการพนันออนไลน์ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมาก ไม่เฉพาะในเด็กและเยาวชนไทยเท่านั้น แต่ในส่วนของประชาชนทั่วไปทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยกันแก้ไข

“ทางออกหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหา คือความอบอุ่นในครอบครัว และการใช้จิตวิทยาพูดคุยเพื่อปรับกระบวนการคิด การให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและตัวเยาวชน โดยเฉพาะในเรื่องการพนันออนไลน์ที่ระบาดหนัก ต้องให้ความรู้สถาบันครอบครัว ว่าจะใช้เทคโนโลยีซึ่งเป็นตัวเชื่อมไปสู่การพนันออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ให้เด็กและเยาวชนหลงเข้าไปวงจรเล่นการพนันและติดการพนัน ซึ่งอยู่ในขอบเขตงานของ สธ.อยู่แล้ว โดยจะประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมสุขภาพจิต เข้ามาดูแลให้เข้มข้นขึ้น” นายสาธิตกล่าว

11_1

ด้านนายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจในปี 2560 พบว่าเยาวชนไทยเล่นพนันมากถึง 3.64 ล้านคน เพศชายราว 2 ล้านคน เพสหญิง 1.6 ล้านคน ในจำนวนนี้ติดหนี้พนันมากถึง 9.53 หมื่นคน เป็นวงเงิน 335 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณคนละ 3,500 บาท ซึ่งปัจจุบันการพนันโดยเฉพาะพนันออนไลน์ได้เข้ามาเป็นปัญหาที่สำคัญของเด็กและเยาวชน จากผลสำรวจความคิดเห็นของเยาวชนกับการพนันออนไลน์ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) และ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) พบว่า 75.6% รู้จักการพนันออนไลน์ และ 17.2% ไม่แน่ใจ เมื่อถามถึงความคิดอยากเล่นการพนันออนไลน์ 48.3% ไม่อยากเล่น รองลงมา 28.1% อยากเล่น เป็นบางครั้ง และ 23.6% อยากเล่นแน่ๆ นอกจากนี้ เมื่อถามว่าเคยเล่นการพนันออนไลน์หรือไม่ พบว่า 67.8 % ไม่เคยเล่น รองลงมา 17% เคยเล่น และ 15.2% เคยเล่นเป็นบางครั้ง ซึ่งไม่มีอะไรรับรองว่าคนที่ไม่เคยเล่นจะไม่มีโอกาสเข้าไปเล่นในอนาคต ดังนั้น ต้องทำให้คนกลุ่มนี้ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์เป็นโจทย์ที่สำคัญ

นายพงศ์ธร จันทรัศมี ผู้จัดการศูนย์ข้อมูลนโยบายสาธารณะการลดปัญหาจาก การพนัน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ(มสช.) กล่าวว่า สถานการณ์เยาวชนไทยบและการพนันในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นการพนันออนไลน์ (Online Gambling) หรือการเล่นพนันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ โดยผู้เล่นรู้สึกเหมือนได้เล่นพนันอยู่ในบ่อนจริง ๆ โดยการพนันออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก ควบคู่กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เฉลี่ยในปี พ.ศ. 2553-2557 อยู่ที่8% ต่อปี และคาดว่าในช่วงปี พ.ศ.2558-2563 จะขยายตัวเฉลี่ยที่ 10.7 % ทั้งนี้ ประเทศแถบยุโรปมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดเป็น 48 % ตามด้วยภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางประมาณ 30 % และอเมริกาเหนือ 13% โดยมีประเทศอังกฤษเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของการพนันออนไลน์

นายพงศ์ธร กล่าวอีกว่า ในการขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการพนันในเด็กและเยาวชนไทยนั้น มีการยกร่างแผนปฏิบัติการด้านป้องกันและลดผลกระทบเด็กและเยาวชนจากการพนันและการพนันออนไลน์ พ.ศ.2563-2569 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. การผลักดันประเด็นการรู้เท่าทันพนันออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ 2. การสร้างและพัฒนาให้เกิดกลไกในกำกับของรัฐเพื่อทำหน้าที่ บูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงาน 3. การสร้างองค์ความรู้ จัดการความรู้ และเผยแพร่ 4. การส่งเสริมบทบาทและระดมความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการป้องกัน ลดผลกระทบ ให้คำปรึกษา และบำบัดเยียวยา และ5. การสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายเฝ้าระวัง และส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย รอนำเสนอเข้าคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ(กดยช.) เพื่อพิจารณาลงมติเห็นชอบ และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานและบังคับใช้กฎหมายตามร่างแผนปฏิบัติการต่อไป

“การพนันออนไลน์ถือว่าปัญหารุนแรงมาก เพราะทุกการเข้าใช้เว็บไซต์ก็จะเข้าถึงการเว็บไซต์การพนันด้วย แต่การจัดการทางกฎหมายในเรื่องนี้ยังมีข้อจำกัด คือต้องใช้พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ซึ่งไม่มีข้อกำหนดความปิดเกี่ยวกับเรื่องการพนันออนไลน์เอาไว้ ทำให้การจัดการปัญหาไม่ทันท่วงที ต้องอาศัยพ่วงไปกับพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ซึ่งกว่าจะปิดเว็บไซต์ได้ต้องขึ้นสู่ศาลและใช้เวลาเป็นเดือนๆ แต่เว็บสามารถเปิดใม่ได้เพียงแค่ 3 นาที เพราะฉะนั้น ควรจะต้องมีการออกกฎหมายเฉพาะ เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ เพื่อให้การจัดการกับปัญหาเกิดขึ้นได้ทันกับสถานการณ์ปัญหา”นายพงศ์ธรกล่าว

ขณะที่ พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ที่น่าจับตาต่อไปคือ อีสปอร์ต (e -Sport) หรือกิจกรรมการแข่งขันเกม (Game Competition) เพื่อร่วมชิงเงินรางวัล ของรางวัล หรือเพื่อเสริมความรู้สึกทางจิตใจ การพนันบนอี-สปอร์ตมีความเสี่ยงที่จะชักนำนักเล่นรายใหม่ ไปสู่การเล่นพนันเช่นเดียวกับการทายผลกีฬาในโลกออนไลน์ ปัญหาคือการที่ผู้เล่นพนันมีความนิยมชมชอบกีฬาอีสปอร์ตหรือเกมอีสปอร์ต ก็จะทำให้มีการแทงพนันกับทีมนั้น เกมนั้น โดยไม่สนใจว่ากำลังเล่นพนันหรือเสพติดพนัน อีกทั้ง ลักษณะการพนันในอี-สปอร์ตมีการเชื่อมโยงเกมและอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกัน สามารถกระทำผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ผ่านตัวโปรแกรม แอปพลิเคชัน เป็นกิจกรรมส่วนตัวที่ผู้เล่นสามารถทำได้ทั้งเล่นเกม ซื้อของ สนทนา จ่ายเงิน หรือรับชมการแข่งขันทัวร์นาเมนท์ต่างๆ ไปได้พร้อมกับการแทงพนันได้ทันที และผู้เล่น เกมส่วนมากเป็นเด็กและเยาวชนที่ยังไม่เท่าทัน และตระหนักรู้ว่าเกมหรืออี-สปอร์ตนั้น มีส่วนเชื่อมโยงกับธุรกิจ การพนันออนไลน์