SQ - ซื้อ

SQ - ซื้อ

ฝนมาอีกแล้ว

Event

ประมาณการ 3Q62, ปรับลดประมาณการปี 2562/63, และปรับลดราคาเป้ าหมาย

Impact

คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q62F จะตกฮวบฮาบ QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SQ ใน 3Q62 จะต่ำกว่า 10 ล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 199 ล้านบาทใน 3Q61 แต่ลดลงอย่างมากจากกำไรสุทธิ 58 ล้านบาทใน 2Q62 โดยผลประกอบการที่ดีขึ้น YoY จะมาจากการขุดดินเพิ่มขึ้นที่โครงการแม่เมาะ 8 หลังจากที่บริษัทเริ่มเดินเครื่องจักรสายพานลำเลียงดินเครื่องใหม่ใน 3Q61 แต่อย่างไรก็ตาม กำไรที่ลดลงอย่างมาก QoQ เป็นเพราะฤดูฝนในไตรมาสที่สามซึ่งทำให้การขุดดินที่โครงการแม่เมาะ 7 โครงการแม่เมาะ 8 และโครงการหงสาลดลง โดยจากประมาณการกำไรใน 3Q62 ทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 9M62 จะคิดเป็น 69% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2562/63F ลง 7%/10%

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 7% เหลือ 234 ล้านบาท และปีหน้าลง 10% เหลือ 308 ล้านบาทหลังจากที่บริษัทออกหุ้นกู้ 700 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.0% เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ซึ่งทำให้เราต้องปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยขึ้นอีก 6% เป็น 382 ล้านบาทในปี 2562 และขึ้นอีก 14%เป็น 356 ล้านบาทในปี 2563 ในขณะเดียวกันเราก็ยังคงประมาณการรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นปี 2562-63 เอาไว้ที่ 4.2 พันล้านบาท/4.0 พันล้านบาท และ 22.5%/25.0% ตามลำดับ

มองบวกกับการลงทุนในเหมืองถ่านหินเมืองก๊กในเมียนมาร์

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม SQ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับบริษัท Golden Lake เพื่อร่วมทุนจัดตั้ง JV โดย SQ จะถือหุ้นใหญ่ 70% และบริษัท Golden Lake ถือหุ้น 30% เพื่อพัฒนาเหมืองถ่านหินเมืองก๊กในเมียนมาร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการผลิตถ่านหิน sub-bituminous ได้ 300KTA ใน 2H63 และจะมีสิทธิ์ทำเหมืองได้นาน 28 ปี นอกจากนี้ JV ใหม่นี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทจากการขายถ่านหิน และมีแผนจะใช้บริการของ SQ ในการขุดดินและถ่านหินซึ่งมีมูลค่างานประมาณ 5.0 พันล้านบาท โดยเราคาดว่าเมื่อโครงการนี้เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ จะทำให้รายได้ของ SQ ในปี 2563 เพิ่มขึ้น 9% และในปี 2564 เพิ่มขึ้น 18% แต่อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้รวมมูลค่าของเหมืองถ่านหินเมืองก๊กเข้าไว้ในประมาณการของเรา เนื่องจากเรายังรอดูให้บริษัทขอสินเชื่อ project loan จากธนาคารผ่านเรียบร้อยก่อนเพื่อเป็นการการันตีโครงการ

Valuation & Action

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H63 ที่ 3.80 บาท ลดลงจากเดิมที่ 4.00 บาท เพื่อสะท้อนถึง backlog ที่ลดลง โดยคำนวณด้วยวิธี DCF ใช้ WACC ใหม่ที่ 7.5% และไม่มี terminal growth แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากเราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรโตที่สูงถึง 32% ในปี 2563 และ 22% ในปี 2564แม้ว่าราคาหุ้นอาจจะถูกกดดันจากกำไรใน 3Q62 ที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าเก็บสะสมหุ้นเมื่อราคาหุ้นย่อลง

Risks

ฤดูฝนในไตรมาสที่สามของทุกปี, ราคาน้ำมันดีเซลขยับสูงขึ้น, ดินถล่ม และการเพิ่มทุนถ้าหากได้งานใหม่ที่มีมูลค่าสูงเกิน 1 หมื่นล้านบาท