พื้นที่ 7 จังหวัดยังน้ำท่วม ยอดเดือดร้อน 370,749 ครัวเรือน

พื้นที่ 7 จังหวัดยังน้ำท่วม ยอดเดือดร้อน 370,749 ครัวเรือน

ปภ.รายงานยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย จากอิทธิพลพายุโพดุลและคาจิกิ 7 จังหวัด เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกด้าน

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุโซนร้อน"โพดุล" และพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ รวม 32 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่านอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย นครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภู ยโสธรกาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี เลย ศรีสะเกษ สกลนคร ปราจีนบุรีตราด สระแก้ว กระบี่ ระนอง และชุมพร รวม 175 อำเภอ 896 ตำบล 6,400 หมู่บ้าน 5เขตเทศบาล 11 ชุมชน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 370,749 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต28 ราย (ยโสธร 8 ราย ร้อยเอ็ด 6 ราย อำนาจเจริญ4 ราย ขอนแก่น 3 ราย พิจิตร 2 ราย อุบลราชธานี 1 ราย พิษณุโลก 1 ราย มุกดาหาร 1ราย สกลนคร 1 ราย น่าน 1 ราย) ผู้บาดเจ็บ 1 คน (ชัยภูมิ)

ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ยโสธรอุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ อพยพประชาชน 20,813 คนในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 56 จุด (อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี) ซึ่งสถานการณ์โดยรวมระดับน้ำลดลงแต่ยังคงมีน้ำท่วมขัง

ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่พร้อมระดมวัสดุอุปกรณ์ยานพาหนะและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัยโดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำรถบรรทุกเครื่องส่งสูบน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังรวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประภัย โดยแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและเรือท้องแบนให้บริการขนย้ายสิ่งของและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดจนสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้านเพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ อย่างไรก็ตาม ปภ.ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมปฏิบัติตามคำเตือนและคำแนะนำอย่างเคร่งครัดรวมถึงระมัดระวังภัยที่มักเกิดในช่วงน้ำท่วม อาทิ อุบัติภัยจากไฟฟ้าอุบัติภัยทางน้ำ สัตว์มีพิษ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป