เน้นครูต้องสร้างเด็กสู่การพัฒนาประเทศ

เน้นครูต้องสร้างเด็กสู่การพัฒนาประเทศ

"รมว.ศึกษาธิการ" ย้ำครูต้องสร้างเด็กสู่การพัฒนาประเทศ ปรับวิธีการเรียนการสอนให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ อย่าไปคิดว่าการศึกษาในตอนนี้ปฎิรูปสำเร็จ ส่วนการแก้ปัญหาหนี้ครู เล็งวางแผนให้ชัดเจนสร้างแรงบันดาลใจแก่ครู

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.62 ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จัดงานวันสถาปนา สกสค.ครบรอบ 16 ปี โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานการมอบรางวัลพระพฤหัสบดีให้แก่ครูจำนวน 18 คน และรางวัลปิยนน์คนการศึกษา จำนวน 710 คน พร้อมกล่าวว่า สกสค.ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่มีภารกิจหลักช่วยส่งเสริมสนับสนุนสวัสดิการและสวัสดิภาพครูทำให้ครูมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งก็เหมือนภารกิจของตนเองที่ต้องการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการครูทุกคน โดยตนเองอยากให้ครูทุกคนที่ได้รับรางวัลเหล่านี้นำผลงานของตัวเองที่ทำจนได้รับรางวัลมาต่อยอดและแชร์ไปให้ครูคนอื่นๆได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จด้วย

"โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับการแข่งขันระดับประเทศ ดังนั้นอยากฝากครูทุกคนจะต้องสร้างเด็กไทยให้ไปสู่การแข่งขันให้ได้ เพราะนอกจากนี้ประเทศไทยไม่มีทางเลือกให้กับการศึกษาที่อ่อนแอ โดยครูจะต้องปรับวิธีการเรียนการสอนให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ อย่าไปคิดว่าการศึกษาในตอนนี้ทุกคนปฎิรูปสำเร็จแล้ว เพราะหากคิดเช่นนั้นทุกคนคิดผิด ซึ่งหากเราไม่สร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นในการศึกษาด้วยเทคโนโลยีแล้ว ในอนาคตเด็กไทยไม่สามารถแบกรับการเจริญเติบโตของประเทศได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนาเสริมความแข็งแกร่งเด็กไทยให้ไปสู่ศตวรรษที่ 21 ให้ได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กไปสู่จุดนั้นได้ก็มาจากครู ดังนั้นตขอฝากครูทุกคนได้ช่วยกันต่อยอดและปรับปรุงสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนด้วย" นายณัฏฐพล กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับการแก้ปัญหาหนี้ครูก็เป็นอีกนโยบายของผมที่ต้องการสร้างขวัญกำลังใจครูในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้ต้องมีการวางแผนให้ชัดเจนว่ามีรูปแบบใดบ้างในการแก้ไขหนี้ครู เพราะต้องมาดูพื้นฐานว่าปัญหาดังกล่าวคืออะไร หรือเกิดจากการที่หน่วยงานปล่อยกู้ให้ครูอย่างเต็มที่มากเกินไปหรือไม่ ซึ่งครูบางคนมีหนี้สินเกินตัวก็ต้องมาแก้วัฒนธรรมการใช้ชีวิตของครูด้วย ส่วนประเด็นการปรับปรุงวิทยฐานะนั้นมีคณะทำงานที่เกี่ยวข้องที่จะมาแก้ไขแล้ว ซึ่งวิธีการคงไม่ยึดติดว่าจะการขอมีหรือเลื่อวิทยฐานะจะต้องวัดจากการเรียนการสอนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่มีวิธีอื่นอีกมากในการนำมาใช้ ดังนั้นขอเวลาไม่นานในการปรับวิทยฐานะของครูให้เหมาะสมกับยุคสมัย จากนั้นจะสื่อสารให้ครูได้เข้าใจ