'ไพบูลย์' ยันเป็นส.ส.พปชร.สมบูรณ์-เมินฝ่ายต้าน

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เปลี่ยนแปลงทะเบียนส.ส. หลังจากที่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้การสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ถือว่ามีผลตามกฎหมาย หลังจากที่ตนชำระค่าสมัครเป็นสมาชิกพรรคและนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐรับรองแล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 10 กันยายน เตรียมพร้อมเข้าร่วมประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐครั้งแรกด้วย

นายไพบูลย์ ยังกล่าวต่อกรณีที่มีนักวิชาการโต้แย้งว่าการย้ายสังกัดดังกล่าวถือว่าผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายและไม่ยึดเคารพเสียงของประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคประชาชนปฏิรูปว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคลและไม่มีผลอ้างอิงตามกฎหมาย

ทั้งนี้ตนยังมีลำดับของส.ส.ในสภาฯ ที่259 เช่นเดิม และไม่เกี่ยวกับการเรียงลำดับตามบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าขั้นตอนที่ตนดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายวิจารณ์เป็นความเห็นส่วนตัวที่ไม่มีกฎหมายรองรับ

“ผมเชื่อว่าร้อยละ 90 ของผู้ที่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาชนปฏิรูปต้องการให้ผมเป็นส.ส. ยอมรับมีคนไม่เห็นด้วยแต่เป็นส่วนน้อย ส่วนบุคคลที่วิจารณ์ผมนั้น เชื่อว่าไม่ใช่บุคคลที่ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับพรรคประชาชนปฏิรูป ดังนั้นหากยังมีใครติดใจขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย คือ ศาลรัฐธรรมนูญ และอย่าได้วิจารณ์ที่ผมมองว่าเป็นเพียงการโจมตีกันทางการเมืองเท่านั้น ส่วนบุคคลที่ใช้สิทธิ์วิจารณ์และเกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด ผมเตรียมใช้สิทธิโต้แย้งทางกฎหมาย” นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่าในวันที่ 18 กันยายน ที่จะมีการประชุมสภาฯ นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติของพรรคฝ่ายค้าน เพื่ออภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ และการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาซึ่งไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดของงบประมาณ ตนจะใช้สิทธิอภิปรายโต้แย้งประเด็นของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งตนเห็นว่าประเด็นของส.ส.พรรคฝ่ายค้านนั้นมีประเด็นส่วนหนึ่งที่ต้องโต้แย้ง ส่วนจะเป็นรายละเอียดใดบ้างขอให้รอฟังในการประชุมวันดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนมองว่าสิทธิการอภิปรายฐานะ ส.ส.พรรคฝ่ายรัฐบาลสามารถทำได้ เพราะส.ส.ฝ่ายค้านไม่มีสิทธิห้ามตน เหมือนกับที่ส.ส.พรรครัฐบาลไม่มีสิทธิห้ามส.ส.ฝ่ายค้านอภิปราย.