ตรรกะ 'ธนาธร' งบรัฐแก้น้ำท่วม9จว. น้อยกว่ารถไฟฟ้า10เท่า

ตรรกะ 'ธนาธร' งบรัฐแก้น้ำท่วม9จว. น้อยกว่ารถไฟฟ้า10เท่า

เปิดแนวคิดตรรกะ "ธนาธร" ชี้หากใช้โมเดลแก้น้ำท่วม 9 จังหวัด ใช้เงินเพียง 5,400 ล้าน แต่รัฐไม่ได้สนใจ กลับเอาเงิน 5.4 หมื่นล้านทำรถไฟฟ้าให้คนกรุง ในระยะทางแค่ 34 กิโลเมตร

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2562 เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการจัดเสวนาเรื่อง “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมรับฟังประมาณ 2,000 คน ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิช ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ รศ.ดร.บัวพันธุ์ พรหมพักพิง อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และดำเนินรายการโดย ดร.วีรยุทธ กาญจน์ชูฉัตร นักวิชาการด้านนโยบายสาธารณะ

ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีกำหนดการจัดงานเสวนาที่ วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น ภาย.9hสังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ถูกคัดค้านและมีภาคประชาชน ยื่นหนังสือร้องเรียนกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อไม่ต้องการให้มหาวิทยาลัยมัวหมอง และมีเสียงนักศึกษาบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการที่จะมาจัดเสวนาในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งคณะผู้จัดงานได้ย้ายมาจัดที่สถานที่ดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่บริหารงานโดยภาคธุรกิจจึงสามารถจัดเสวนาได้

ในวันนี้นายธนาธร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโดยระบุว่า ตาอักเสบ ต้องใส่แว่นดำ และไม่สะดวกจะให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่ขึ้นเวทีเสวนาด้วย โดยได้เปิดฉากไล่เลียงการทำงานของรัฐบาลชุดนี้โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องที่ไม่สำเร็จเพราะไม่ได้เอาใจใส่อย่างแท้จริง

นอกจากนั้นยังได้พูดถึงเรื่องปัญหาน้ำท่วมว่าสร้างความสูญเสียให้กับชาวนาอีสานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเขาเองได้ลงพื้นที่ไปดูในพื้นที่จ.ร้อยเอ็ดและยโสธร พบว่าประชาชนเดือดร้อนและลำบากมาก หากตีความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉพาะจังหวัดยโสธรหากคิดความเสียหายเพียง 1 แสนไร่ หากคิดเป็นมูลค่าความเสียหายจะประมาณ 500 ล้านบาท และหากรัฐบาลจะเอาเงินมาช่วยเหลือชดเชยไร่ละ 1 พันบาทจะต้องใช้เงินประมาณ 100 ล้านบาท แต่หากรัฐเอาเงินจำนวนนี้ ซึ่งรวมกับจังหวัดอื่นที่เสียหายไม่แพ้กันอีก 9 จังหวัดในลุ่มน้ำชี คิดเป็นเงินประมาณ 5.4 พันล้านบาทและหากเอาเงินนี้ไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบ เป็นเงินจำนวนไม่มากเลยหากเทียบกับเม็ดเงินที่รัฐเอาไปสร้างไฟฟ้าสายสีชมพูที่มีระยะทางเพียงแค่ 34.5 กิโลเมตร ที่ใช้เงินไปกว่า 5.34 หมื่นล้านบาท เพื่อคนไม่กี่คน

“รัฐบาลชุดนี้ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องประชาชนมากนัก ทั้งที่ปัญหาปากท้องเป็นปัญหาทับถมมานานหลายศตวรรษ รัฐบาลที่เป็นรัฐบาลประสมแบบรัฐบาลนี้ย่อมไม่ได้มองการแก้ไขปัญหาระยะยาว ไม่ได้มองการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนแต่เน้นการแก้ปัญหาการเมืองเท่านั้น”นายธนาธร กล่าว
ด้านมรว.ปริดียาธร กล่าวถึงเรื่องรัฐธรรมนูญกับปากท้องว่า ที่ผ่านประเทศไทยมีรัฐบาลสองแบบคือประชาธิปไตยกับเผด็จการ รัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมาที่สามารถบริหารงานบ้านเมืองแล้วอยู่รอดเห็นมี 2 รัฐบาลคือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ และรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทั้งสองรัฐบาลแม้จะมาจากเผด็จการทหารแต่ก็บริหารงานโดยดึงเอาคนเก่ง ๆ เข้ามาช่วยงานมาวางรากฐานหลายเรื่องทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การพลังงาน จนเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศไทยในทุกวันนี้ แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากทหารแต่ไม่รู้จักใช้คนเพราะเอาแต่นักการเมืองเก่า ๆ ที่เคยทำงานแล้วไม่ได้ผลมานั่งทำงานอยู่อีก

“ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ เผด็จการจะดีช่วงแรก ๆ แต่พอสักพักจะมีความเคยตัว คนแวดล้อมจะร่ำรวย เอาประโยชน์เข้าตัวเอง หากเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยจะดีกว่าตรงที่หากได้ผู้นำไม่ดีเราเปลี่ยนได้ง่าย แต่รัฐบาลเผด็จการที่มีอำนาจทหารรองรับมันเปลี่ยนยาก จะพูดอะไรก็ลำบาก มีแต่ข่มขู่ หากเป็นรัฐบาลก็จะเป็นบุคคลสาธารณะ ต้องยอมให้คนอื่นวิจารณ์ ถ้าจะทำงานเพื่อประเทศชาติต้องยอมให้คนอื่นวิจารณ์ได้ แต่รัฐบาลนี้ไม่ยอม ไม่ฟังและอดทนน้อย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

สำหรับการเสวนาในวันนี้ ช่วง 1.30 ชั่วโมงแรกมีประชาชนนั่งฟังเต็มห้องประชุม พอหลังจากนั้นมีคนลุกเดินออกจากห้องประชุมเป็นจำนวนมากและมีข่าวว่าผู้กองปูเค็ม หรือร้อยเอกทรงกลด ชื่นชูผล จะเดินทางมาเพื่อประท้วงด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเองเป็นคนที่คัดค้านและยื่นหนังสือกับอธิการบดีเพื่อไม่ให้มีการจัดเสวนาในสถานศึกษาและโพสต์คลิป พร้อมถ่ายทอดสดการเรียกร้องของตัวเอง โดยคณะจัดงานได้จัดเตรียมฝ่ายดูแลความปลอดภัยอย่างเข็มแข็ง ซึ่งมีบางกระแสเสียงบอกว่าการจัดงานเสวนาครั้งนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักนักแต่พอผู้กองปูเค็มได้โพสต์และไลฟ์สดในเฟซบุ๊คทำให้มีคนสนใจและติดตามเป็นจำนวนมาก พร้อมกับมีผู้แชร์เข้าไปในกลุ่ม kku group ซึ่งเป็นเพจของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่มีสมาชิกว่าแสนคนทำให้ข่าวการเสวนาครั้งนี้โด่งดังและมีคนอยากเข้าฟังในครั้งนี้