'บอร์ด โรงพิมพ์ตะวันออก’ไฟเขียวขายโรงไฟฟ้าเวียดนามรับเงิน1.25 พันลบ.

'บอร์ด โรงพิมพ์ตะวันออก’ไฟเขียวขายโรงไฟฟ้าเวียดนามรับเงิน1.25 พันลบ.

บอร์ด ‘โรงพิมพ์ตะวันออก’ไฟเขียว ขายหุ้นทั้งหมดใน  'โซล่าร์ พาวเวอร์‘ให้  ’ บีจี คอนเทนเนอร์‘ รับเงิน 1.25 พันล้านบาท 

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด)อนุมัติให้ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPCO ขายหุ้น ทั้งหมด ของบริษัท โซล่าร์ พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPM ให้กับบริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC มูลค่ารวม 1.25 พันล้านบาท โดยได้ลงนามซื้อขาย (SPA) ในวันนี้ พร้อมได้รับเงินมัดจำ 10% และส่วนที่เหลือจะได้รับภายใน 31 ตุลาคม 62 หลัง BGC ทำ due diligence แล้ว

ทั้งนี้ SPM ถือหุ้น 67%ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดย PKS ประกอบกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Xuan Tho 1 (โครงการ XT1) และโครงการ Xuan Tho 2 (โครงการ XT2) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 99.216 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดฟูเยี้ยน ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

สำหรับ SPM นอกจากถือหุ้นใน PKS แล้วยังถือหุ้นในบริษัท Alternative Energies Kabushiki Kaisha (AEKK) ซึ่งประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นก่อนการขายหุ้น และหนี้ของ SPM ให้แก่ BGC นั้น ทาง SPM จะต้องทำการขายหุ้น และการลงทุนทั้งหมดที่ถือใน AEKK ให้แก่ EP Group (HK) Company Limited (EPHK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EP ถือหุ้น100% และคาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน กันยายน 2562 ก่อนวันที่ทำรายการซื้อขายหุ้นและหนี้ฯในครั้งนี้

นายยุทธ กล่าวว่า เงินที่ได้จากการขายหุ้นครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทจะนำไปลดหนี้ และบริษัท นำไปขยายธุรกิจ

นอกจากนี้บอร์ดฯมีมติให้จดทะเบียนบริษัทใหม่อีก 2 บริษัทที่ Hong Kongเพื่อการลงทุนในเวียดนามภายใต้ EP Group (HK) Co.,Ltd. ชื่อ EPVN W1 (HK) Co.,Ltd. และEPVN W2 (HK) Co.,Ltd. ขณะที่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการที่ EPCOเข้าถือหุ้นใหญ่ในโรงพิมพ์เนชั่น และแตกไลน์การผลิตไปในส่วนของกล่องลูกฟูก ใน Q4/2562 เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ช้อปสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันแนวโน้มรายได้และกำไรในปี 2562-2563 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง