พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพแล้ว

พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพแล้ว

ราชกิจจาฯเผยแพร่ประกาศ กกต. พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพ มีผลโดยสมบูรณ์แล้ว "ไพบูลย์ "ยังมีหน้าส่งบัญชีงบดุล - หาพรรคสังกัดใน 60 วัน ก่อนสิ้นสภาพส.ส

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพระการเมือง ระบุว่า ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองลงวันที่ 3 ตุลาคม 2561 เรื่องรับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองพ. ศ. 2560 นั้น นายไพบูลย์ นิติตะวันหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปได้มีหนังสือแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูปครั้งที่ 10/2562 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2562 ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป พ. ศ. 2561 ข้อ 122 กรณีดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้ พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง(7) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองพ. ศ. 2560 คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงประกาศให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) และวรรคสองแห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองพ. ศ. 2560 ทั้งนี้ตั้งแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณวันที่ 3 กันยายน 2562 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อราชกิจจานุเบกษามีการประกาศให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองแล้ว นายไพบูลย์ อดีตหัวหน้าพรรคยังคงต้องดำเนินการตามมาตรา 95 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ในเรื่องการส่งบัญชีและงบแสดงฐานะทางการเงิน รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงินของพรรคประชาชนปฎิรูปต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศการสิ้นสภาพ และ สตง.มีหน้าที่ชำระบัญชีให้เสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน และขยายเวลาได้อีก 180 วัน โดยมาตรา 95 วรรคสอง กำหนดให้ หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคที่ กกต.ประกาศให้สิ้นสภาพ ยังคงต้องปฎิบัติหน้าที่อยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ

ขณะเดียวกัน นายไพบูลย์ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด ภายใน 60 วันนับแต่วันที่มีคำสั่งยุบเลิกพรรค เพื่อไม่ให้สมาชิกภาพการเป็นส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ( 10)