AU - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

AU - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 สู่ 259 ลบ. (เพิ่มขึ้น 32%) +75%YoY

ประเด็นสำคัญ :

Ø รายงานกำไร 2Q62 เท่ากับ 63 ลบ. โตก้าวกระโดด +117%YoY: ผลการดำเนินงานเติบโตตามการขยายสาขาสู่ 38 สาขา เทียบกับ 2Q61 และ 1Q62 ซึ่งมีสาขาเท่ากับ 30 สาขา และ 36 สาขา ตามลำดับ แม้ %GPM จะอ่อนตัวลงสู่ 64.4% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 67% เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ถูกชดเชยด้วย สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (%SG&A) ปรับตัวลงมาที่ระดับ 40% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 51% จากการเข้าสู่ช่วง Economies of Scale นอกจากนี้ ยอดขายต่อสาขาเดิมในงวด 2Q62 ยังเติบโตกว่า 16.4%YoY ถูกหนุนจากยอดขายผ่าน Line man และ Grab (สัดส่วนรายได้ Take-away ใน 2Q62 เท่ากับ 29% เทียบกับต้นปีอยู่ที่ระดับ 10%) ส่งผลให้ 1H62 มีกำไร เท่ากับ 123 ลบ. +105%YoY คิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 259 ลบ.

Ø ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 สู่ 259 ลบ. (เพิ่มขึ้น 32%) +75%YoY: เราคาดว่าแนวโน้ม 2H62 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 สาขา ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต และกทม.(ราชประสงค์) จังหวัดละ 1 สาขา อีกทั้งบริษัทยังมีแผนกระจายกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยการเพิ่มสาขาแบบ Pop-up stores (ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ได้จัดตั้งถาวร) ซึ่งได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี มีรายได้ราว 5-6 หลักต่อสาขาต่อวัน ปัจจุบันมีการตั้งสาขาอยู่ที่ MRT-สวนจตุจักร และ MRT-เพชรบุรี นอกจากนี้ คาดว่า 3Q62 ผลประกอบการยังคงเติบโตได้ แม้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนจากยอดซื้อสินค้ากลับบ้าน (Take-Away) ของ Grab และ Line Man ที่โตแรง ขณะที่ ทิศทางของ %GPM ยังเติบโตดีขึ้นตามยอดของ Take-away และสาขา Pop-up stores ที่มีมาร์จิ้นดีกว่ารายได้ประเภทอื่นๆ โดยเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 สู่ 259 ลบ. (เพิ่มขึ้น 32%) +75%YoY หลังจากที่กำไร 1H62 เท่ากับ 67% ของประมาณการกำไรเดิม นอกจากนี้ เรายังปรับสมมติฐาน %SG&A ลงมาที่ระดับ 40% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 44% ประกอบกับปรับเพิ่ม SSSG มาที่ระดับ 10% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 5%

Ø สาขาที่ฮ่องกงจะเป็นสาขาแรกในต่างประเทศในรูปแบบของแฟรนไชส์: ภายหลังผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเตรียมประกาศการถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีน ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงเริ่มคลี่คลายลง จึงเชื่อว่ากำหนดการเปิดสาขาแรกยังคงเป็นไปตามเดิม คือ ช่วงก่อนวันคริสต์มาส (4Q62) ขณะที่ บริษัทจะมีรายได้จากการขายแฟรนไชส์จาก 3 ส่วน คือ 1) Initial Fee 2) Royalty Fee และ 3) ซื้อวัตถุดิบกับบริษัท โดยมีอายุสัญญา 5 ปี และมีระบุขั้นต่ำในการขยายสาขาไม่น้อยกว่า 5 แห่ง ทั้งนี้ รายได้จากแฟรนไชส์จะเป็นอัพไซต์ของประมาณการกำไรปี 62

Ø ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 12.90 บาท (จากเดิม 9.20 บาท) แต่ยังคงคำแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว”: เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 12.90 บาท (จากเดิม 9.20 บาท) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่เติบโตแข็งแกร่ง โดยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF โดยใช้  WACC เท่ากับ 9% และ Terminal Growth เท่ากับ 5.5% คำนวณได้ราคาเหมาะสม 12.90 บาท อย่างไรก็ดี ราคาปัจจุบันยังสูงกว่าราคาเหมาะสม จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

ความเสี่ยง

      i) ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและรุนแรง      ii) ธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ประสบความสำเร็จ    iii) ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ