น้ำแล้ง-น้ำท่วม อาจแพ้น้ำลาย

น้ำแล้ง-น้ำท่วม อาจแพ้น้ำลาย

เมืองไทยนั้นยามเกิดปัญหาที่คนในชาติประสบวิกฤต น้ำใจของคนไทยไม่เคยจาง แรงช่วยเหลือส่งไปยังผู้ประสบเคราะห์แบบไม่ต้องวิงวอน น้ำแล้ง-น้ำท่วม วงจรที่วนเวียนกับสังคมไทยมาข้านาน

แม้จะมีผลวิจัย ผลการศึกษา แผนแม่บท วาระแห่งชาติมากมาย แต่สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำเพราะคนการเมืองทั้ง ฝ่ายค้านและรัฐบาล ในยุคก่อนๆรวมทั้งวันนี้ต่างใช้น้ำลายแก้ไขมากกว่า

คนการเมืองในหลายเวทีมักจะหาจังหวะชิงแต้มด้วย น้ำลาย ทำนองว่าพูดหาแต้มเข้าตัวและสาดโคลนให้คนนั้นคนนี้ว่าทำงานไม่เป็น...

วันนั้นยันวันนี้การแก้ไข น้ำแล้ง-น้ำท่วม ยังไม่เคยบรรลุ เพราะมีแต่การสาดน้ำลายรดกันและกันจนเลอะเทอะไปหมดและพยายามใช้วาทกรรมใหม่ๆที่ตัวเองคำนึงแล้วว่าดีมาพ่นให้ชาวบ้านฟังไปวันๆแต่รูปธรรมการขับเคลื่อนนั้นมองแล้วยังไร้แวว

ดังนั้นการแก้ปัญหา น้ำแล้ง-น้ำท่วม รวมทั้งผังเมือง และการโซนนิ่งพื้นที่เกษตรกรรมควรบังเกิดขึ้นแบบจริงจังเสียที เพราะชาวบ้านเดือดร้อนกับนโยบายภาครัฐที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อย จนไร้ความน่าเชื่อมั่นแล้ว

ลุงตู่ อยู่มาห้าปีและเคยผ่านช่วงวิกฤตแก้น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์กับน้องปูเมื่อหลายปีก่อนนั้นน่าจะมองทะลุมิติได้ ลุงตู่ ก็อย่าหลงจังหวะการเมืองด้วยแล้วกันเพราะบางคราวการขึ้นพูดกับมวลชนนั้นบางคราวอาการ เมาไมค์ จนลืมประเด็นว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรพูดนั้น มันจะเป็นหอกทิ่มตัวเองเพราะขั้วตรงข้ามจะคว้ามาตอกได้เสมอ

การลงพื้นที่ตจว.ครั้งล่าสุดของ ลุงตู่ นั้น หลากวาทกรรมที่ลุงตู่แสดงออกมา รับรองเลยว่าขั้วตรงข้ามถลุงมันมือมันปาก...

ใคร่เตือนสตินิดว่าลุงตู่วันนี้คือคนการเมืองเต็มกาย และไม่เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว ดังนั้นการพูดจาใดๆลุงตู่พึงระวังด้วยเพราะตำแหน่งสร.1นั้น มันชี้ทิศทางบ้านเมืองในระดับหนึ่ง

ดังนั้นสร.1อย่าเป็นหนึ่งในสงครามน้ำลายที่อาศัยภัย น้ำแล้ง-น้ำท่วม มาเป็นบทละครเลยวันนี้ ลุงตู่ ควรเข็นโรดแมพการแก้ภัย น้ำแล้ง-น้ำท่วม ให้บรรลุเสียที ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะเดือดร้อนกับภัย น้ำแล้ง-น้ำท่วม กันยาวไปเพราะปฐมบทมาจากภัยน้ำลายของคนการเมืองที่พ่นกันไม่จบไม่สิ้น...