นายกฯ ลั่นสู้ไหวตราบใดที่มี 'รองนายกฯ' เก่งๆ

นายกฯ ลั่นสู้ไหวตราบใดที่มี 'รองนายกฯ' เก่งๆ

นายกฯ ลั่นสู้ไหวตราบใดที่มี "รองนายกฯ" เก่งๆโอดปัญหาประเทศ คนขาดความเชื่อมั่น ปลุก ทุกคนช่วยดูแลประเทศ ชี้ ประเทศประชาธิปไตยแบบเรา รบ.ทำคนเดียวไม่ได้

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.62 เวลา 13.30 น. ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานรับฟังการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 , วิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 60 , วิทยาลัยการทัพบกชุดที่ 64 , วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 51 และวิทยาลัยการทัพอากาศรุ่นที่ 53 โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ส่วนราชการและภาคเอกชน ร่วมรับฟัง

โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะตัวแทนนักศึกษา วปอ.รุ่นที่ 61 ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ประเทศไทยของเราจะต้องก้าวข้ามกับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ความเป็นประเทศที่มีรายได้สูง โดยการนำเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของไทยมาเสริมสร้างชีวิตและศูนย์สุขภาพนานาชาติของโลกที่ดีที่สุด เพื่อเสริมสร้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่นายกรัฐมนตรีริเริ่มให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 61 นี้ ขอเสนอแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ชีวิตคุณภาพผ่านโครงการต้นแบบคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัฒนธรรมและนวัตกรรมทางการแพทย์ครบวงจร ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่าร้อยละ 5 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปี จากนี้ไปถือเป็นการต่อยอดจุดแข็ง การขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงนโยบาย เป็นการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ที่อาศัยความคล่องตัวในการทำงาน ยึดถือความมั่งคั่ง มั่งคง ของพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา มีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ยืดหยุ่นลดความซับซ้อนของระบบราชการและลดอำนาจของรัฐ อย่าให้กฎหมายกฎระเบียบเป็นอุปสรรคในการสร้างรายได้ของประชาชน

นายอนุทิน กล่าวว่า การผลักดันนโยบายสู่การปฏิบัติจึงจะต้องมีการกำหนดพื้นที่การพัฒนา และรังสรรค์นวัตกรรมรูปแบบใหม่อย่างชัดเจน มีการตั้งทีมงานที่มารับผิดชอบโครงการนี้ โดยเฉพาะมีการหาแหล่งทุนจากภาครัฐและเอกชน มีการติดตามประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ บูรณาการการประเมินผลจากทุกภาคส่วนภายใต้โมเดล ด้วยการบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้นำพาประเทศมาถึงจุดนี้ได้ ทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง มีเสถียรภาพ สำคัญที่สุดมีความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เมื่อชาติมีความ มันคงก็จะยังผลให้ความมั่งคั่งเกิดขึ้น โดยการขยายผลของนวัตกรรมเชิงนโยบาย จะทำให้ประเทศของเราสามารถก้าวไปสู่ความเป็น Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ มีการพัฒนาประเทศให้เติบโต ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเศรษฐกิจ ทำให้พวกเราประชาชนและประเทศหลุดพ้นจากความเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ก้าวไปสู่ความเป็นประเทศที่มีรายได้สูงอย่างเต็มภาคภูมิ ถือเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า วันนี้พวกเรานักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่น 61 ได้นำเสนอผลงานการแถลงในเรื่องของการสร้างรายได้ให้กับประเทศ การทำให้บ้านเมืองของเรามีความมั่นคงทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น มีความแข็งแกร่งอยู่ในมือของพวกเราทุกคนแล้ว จากเอกสารที่นำมาแจกในวันนี้ จะเป็นกลไกที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี นักศึกษา วปอ.รุ่น 61 จะทำให้เงินทุนการศึกษาของเราไม่สูญเปล่า จะคืนให้กับประเทศของเราอย่างเต็มที่ เพียงแต่ขอให้พวกเราได้มีโอกาสสนับสนุนภารกิจของท่าน ซึ่งเรามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีจะนำพาประเทศไทยและพวกเราทุกคนไปสู่เป้าหมายสูงสุดตามที่ต้องการ พวกตนพร้อมที่จะเป็นกำลังและไปด้วยกันกับนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะกระผม

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังรับฟังข้อเสนอของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 61 ว่า ขอชื่นชมการนำเสนอผลงานของนักศึกษา ที่มีพัฒนาการมาจากปีก่อนๆมาก เพราะนายกฯมารับฟังข้อเสนอเป็นเวลา 5 ปีแล้ว โดยบางอย่างได้นำไปสู่การปฏิบัติแล้ว และหลายอย่างอยู่ในแผนและขั้นตอนการดำเนินการ เรามาพบกันก็ถือว่าเป็นพี่เป็นน้อง คนทุกรุ่นต้องเดินหน้าแก้ปัญหาไปด้วยกัน นอกจากนี้ ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ได้นำแผนของนักศึกษาไปบรรจุและนำไปขับเคลื่อนด้วย และเชื่อว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 จะเดินหน้าไปได้เร็วขึ้นจากการขับเคลื่อนของรัฐบาลนี้ และจะไม่ไปอย่างเชื่องช้าเหมือนรถไฟสมัยก่อน

“ผมไม่กังวลกับปัญหาภายนอกประเทศ แต่กังวลปัญหาภายในประเทศของเราเอง เพราะดิจิทัลกันเหลือเกิน เดี๋ยวก็วิจารณ์กัน เรื่องที่สำคัญผมรับได้ทั้งหมด ขณะที่บางเรื่องก็ทำให้เสียสมอง ปวดหัวทุกวัน เพราะแต่ละวันผมก็พูดไม่รู้กี่ที่ บางทีพูดอะไรไปสมองก็จำไม่ได้ นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ แต่ไม่เป็นไร ยังสู้ไหว ตราบใดที่ยังมีรองนายกรัฐมนตรีเก่งๆอย่างนายอนุทิน (ชาญวีรกูล) อีกทั้งยังมีรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีช่วยกลาโหม มีพี่ป้อมของเรา (พล.อ.ประวิตรวงษ์ สุวรรณ) ที่เก่งๆยังมีพี่ป๊อก ของเรา(พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) มีน้องอิทธิพล คุณปลื้ม (รมว.วัฒนธรรม) มีผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้งหมดล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น มีความเกี่ยวพันยึดโยงกันทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดเริ่มต้นจากความมั่นคง มีเสถียรภาพทางการเมืองและการทหาร อันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาในวันนี้คือจะหารายได้จากที่ใด เพื่อดำเนินการด้านสาธารณสุข การศึกษา เพราะที่ผ่านมาเป็นการให้เปล่า ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก และจะเป็นภาระในอนาคต จึงขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร ให้สอดรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป ที่ผ่านมาเราพูดตลอดว่าจะทำให้ประเทศพ้นกับดักรายได้ปานกลาง แต่เมื่อดูตัวเลขรายได้และจีดีพี รวมถึงตัวเลขการพัฒนาแต่ละจังหวัด จะเห็นว่ามีความหลากหลายและแตกต่างกันไป เพราะบางจังหวัดยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ไม่รู้จะใช้โมเดลอะไร เพราะตัวเลขต่ำทั้งหมด โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีแบบสำรวจทั้งหมด 31 ข้อ ปรากฏว่าตกทุกจังหวัด ซึ่งเป็นสิ่งที่กังวล ไม่ว่าจะเป็นจีดีพีจังหวัดและจีดีพีรายหัว ศักยภาพและโอกาสของบางจังหวัด ก็แทบจะไม่มีเลย เรื่องนี้ไม่ได้ว่าใคร เพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องขับเคลื่อนให้ได้

“ประเทศไทยมีปัญหาพอสมควร โดยปัญหาทั้งหมดอยู่ที่คนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งปัญหานี้มาจากคำพูดของพวกเราทั้งสิ้น ถ้าทุกคนพูดว่ามันแย่ทั้งหมด ทั้งหมดก็จะแย่ตามเช่น จะไม่มีใครกล้าลงทุน เพราะกลัว ดังนั้นจึงต้องช่วยกันว่าปลุกทุกคนให้ช่วยกันดูแลประเทศชาติได้อย่างไร เพราะรัฐบาลทำคนเดียวไม่ไหว ไม่มีใครแก้ปัญหาได้คนเดียว ไม่มีประเทศใดทำได้ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแบบเรา ประเทศที่เจริญเติบโตได้ คือประเทศที่เป็นสังคมประชาธิปไตย เราต้องแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจที่มีคนพยายามพูดว่าประเทศของเราไม่ดี แต่กลับมีคนเข้ามาเที่ยวจำนวนมาก ทั้งนี้ ถ้าเราโจมตีกันไปมา ก็จะเกิดความเสียหาย เพราะสิ่งที่พูดไม่ได้อยู่แค่ในประเทศ เพื่อให้นายกฯเจ็บปวดเพียงคนเดียว แต่ประเทศจะเสียหายไปถึงข้างนอก จึงอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจ เพราะคนไทยมีความละเอียดอ่อน จินตนาการสูง เชื่อคนง่าย อ่านข้อความไม่ถึง 3 บรรทัด ยังไม่จบก็โพสต์ลงโซเชียลแล้ว และการโพสต์ในบางครั้งก็ไม่ได้รู้เรื่อง แต่ต้องการโพสต์เพื่อด่าลุงตู่ ด่ามันเข้าไป ไม่รู้ว่าเกลียดชังอะไรตนนักหนา และยังไม่รู้ตัวเลยว่าไปทำอะไรให้ใครเจ็บใจ แต่ไม่เป็นไร เพราะตนโกรธใครไม่ได้อยู่แล้ว