หลากหลายปัจจัยบวก

หลากหลายปัจจัยบวก

Moody’s เตรียมปรับ Credit rating ไทยเพิ่มขึ้นเป็น A3 รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy หุ้นและ TFEX ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนภาวะการลงทุนในช่วงนี้

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น +16.39 จุด (+1.00%) ปิดที่ระดับ 1,658 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศตอบรับฮ่องกงประกาศการถอนร่างกฏหมายส่งตัวรู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่ม Trans, Tourism และ Comm ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 880 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 139 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 15,064 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,665 - 1,670 จุด ตาม Sentiment บวกหลายประเด็น ได้แก่ Beige Book ของเฟดรายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางและภาคธุรกิจยังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ, PMI ภาคการบริการของจีนเดือนก.ค.ขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 52.1, สถานการณ์ Brexit ที่ผ่อนคลายลงหลังสภาฯอังกฤษอนุมัติร่างกฏหมายขัดขวาง No-deal Brexit, ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3 สัปดาห์ต่อเนื่องอีก 3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานรวมถึงทิศทางตลาดโดยรวม นอกจากนี้การที่ Moody’s เตรียมปรับ Credit rating ไทยเพิ่มขึ้นเป็น A3 รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy หุ้นและ TFEX ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนภาวะการลงทุนในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTTEP , TOP) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรงเหนือ 56 US/Barrel
  • กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  คาดครม.เศรษฐกิจพิจารณาแผนกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติมพรุ่งนี้ (6 ก.ย.)
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA ) ค่าระวางขึ้นทำ High ในรอบ 9 ปีล่าสุด 2,518 จุด
  • หุ้น Defensive stock (AOT ,INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : TOP (ปิด 68.25 ซื้อ/เป้า 80) ระยะสั้นราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นช่วยคลายกังวลต่อผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบ ขณะที่ระยะกลางถึงยาวจะได้ปัจจัยบวกจากมาตรการใหม่ของ IMO โดยต้นปีหน้า IMO กำหนดให้กองเรือลดการใช้น้ำมันเตาซึ่งมีกำมะถันและซัลเฟอร์สูงคาดว่าจะหนุนให้กองเรือหันมาใช้น้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำแทนน้ำมันเตาเพิ่มมากขึ้นเป็นบวกต่อ TOP, CKP (ปิด 6.50 ซื้อ/เป้า สูงสุด Bloomberg Consensus 6.7) ทยอยสะสม CKP เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากฝนตกหนักเพราะมีรายได้หลักมาจากการผลิตไฟฟ้าเขื่อนพลังน้ำ ด้านผลประกอบการคาดกำไรสุทธิจะทยอยเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q19 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น และ 4Q19 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีในประเทศลาวเข้ามาเป็นไตรมาสแรก ซึ่งบริษัทจะเริ่ม COD อย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค.19 เป็นต้นไป

KSS report วันนี้: ADVANC (ปิด 234 ซื้อ/เป้าใหม่ 260 เดิม 255), IRPC (ปิด 3.82 ถือ/เป้า 4 เดิม 4.8)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

  • (+) สถานการณ์ในฮ่องกงดูผ่อนคลาย หลังจากนาง แคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ: สถานการณ์การชุมนุมที่ยืดเยื้อ และรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในฮ่องกงดูผ่อนคลายลง หลังจากที่เมื่อวานนี้ นางแคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศการถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้ว (กฏหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนคืนจุดเริ่มต้นของชนวนเหตุการชุมนุมในฮ่องกง) แม้ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกเฉพาะตัวของฮ่องกงแต่ด้วยฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคทำให้ปัจจัยบวกดังกล่าวส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคด้วย อย่างไรก็ตามเรายังต้องติดตามการประท้วงในฮ่องกงกันต่อไปเนื่องจากการถอนร่างกฏหมายดังกล่าวเป็นเพียง 1 ใน 5 ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงเท่านั้น
  • (+) รัฐสภาอังกฤษลงมติผ่านร่างกฎหมายสกัด "no-deal Brexit" ทำให้อังกฤษมีโอกาสเลื่อน Brexit ออกไปเป็นต้นปีหน้าจากเดิม 31 ต.ค.19:นับเป็นข่าวดีต่อเนื่องหลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติอนุมัติร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง หรือ "no-deal Brexit" ด้วยคะแนนเสียง 327 ต่อ 299 เสียง นับเป็นความพ่ายแพ้ของฝั่งรัฐบาลและจะเป็นแรงกดดันสำคัญให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ต่อร้องขอต่อสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขยายกำหนดเส้นตายในการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU เป็นวันที่ 31 ม.ค.2563 จากเดิมวันที่ 31 ต.ค.นี้ ปัจจัยนี้ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง ภาพรวมเศรษฐกิจของอังกฤษและสหภาพยุโรป
  • (+) ปัจจัยภายใน ยังคาดหวัง มูดีส์ ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของประเทศ หลังเสร็จสิ้นการปรับมุมมอง Out look ของประเทศไทยแล้ว: มูดี้ส์ ออกรายงานระบุว่าปัจจุบันได้เสร็จสิ้นกระบวนการ Review สถานะของประเทศไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยหรือไม่ แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่ยังแข็งแกร่ง รวมถึงปัจจัยการเมืองที่กลับสู่ระบบประชาธิปไตย ทำให้เรายังคาดหวังทางบวกว่าที่สุดแล้ว Moody’s จะปรับเพิ่มอันดับเครดิตให้กับประเทศไทยซึ่งจะเป็นบวกต่อการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติทั้งในทางตรงและทางอ้อม (ปัจจุบัน Moody’s ให้อันดับเครดิตของไทยที่ Baa1)
  • (+) ราคาน้ำมันดิบบวกแรงกว่า 2.32 เหรียญฯคาดหวัง สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.32 ดอลลาร์ (+4.3%) ปิดที่ระดับ 56.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า EIA จะรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐออกมาลดลงอีก 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์นี้นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ยังต้องระวังหลังจากล่าสุด สถาบันปิโตรเลียมของอเมริการายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐพลิกเป็นเพิ่มขึ้น 4 แสนบาร์เรล (ตัวเลขของ EIA และ สถาบันปิโตรฯเลียมมักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน)