กรมชลประทาน ต้านภัยแล้ง
เป็นประจำทุกปีที่หลายพื้นที่ทั่วโลกต้องประสบภัยพิบัติไม่ว่าจะน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง อย่างประเทศไทยแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีน้ำท่าบริบูรณ์ แต่พอเอาเข้าจริงกลับประสบปัญหาภัยแล้งบ่อยครั้ง
อย่างล่าสุดถึงจะเป็นช่วงต้นฤดูฝนในเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ฟ้าฝนกลับไม่ตกต้องตามฤดูกาล ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำค่อยๆ พร่องลงจนเข้าสู่ภาวะขาดแคลน
สถานการณ์น้ำน้อยอาจไม่สะเทือนความรู้สึกคนในเมืองใหญ่สักเท่าไร แต่สำหรับเกษตรกรและประชาชนตามชนบทนี่คือข่าวร้าย เพราะนั่นหมายถึงพวกเขาจะไม่มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ การเพาะปลูกของพวกเขาในปีนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จ
สถานการณ์ดังกล่าว มหิทธิ์ วงศ์ษา หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ 2 สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศว่า กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้วางมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนทิ้งช่วง
“ทุกโครงการชลประทานในทุกพื้นที่มีการติดตามสถานการณ์น้ำและเฝ้าระวังการบริหารจัดการน้ำมาโดยตลอด โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และผลิตน้ำประปา ส่วนพื้นที่การเกษตรในเขตโครงการในช่วงฤดูแล้งได้มีการส่งน้ำแบบรอบเวร รวมทั้งได้จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำ รถแบคโฮ และเครื่องสูบน้ำ ที่สามารถสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีด้วย”
สำหรับจังหวัดที่ประสบภัยแล้งเป็นประจำอย่างสุรินทร์ ก็มีโครงการชลประทานสุรินทร์ โดยนำรถบรรทุกขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 1 คัน ออกแจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่หมู่บ้านการเคหะ อำเภอเมืองสุรินทร์
แม้กระทั่งจังหวัดใหญ่ซึ่งมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านอย่างสุพรรณบุรี กลับมีพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งในเขตอำเภอดอนเจดีย์ และ อำเภออู่ทอง
“ทางสำนักงานชลประทานที่ 12 จึงได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง สูบน้ำจากปลายคลองมะขามเฒ่า-กระเสียว ลงสู่คลองมะขามเฒ่า – อู่ทอง บริเวณห้วยโตนด รวมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณคลองระบายน้ำจากบึงกระจับอีก 4 เครื่อง สูบน้ำลงคลองมะขามเฒ่า–กระเสียว ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำอีกทางหนึ่งด้วย”
ด้านจังหวัดนครสวรรค์ ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง บริเวณโรงสูบน้ำเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี ที่ประสบกับปัญหาภัยแล้ง พร้อมกับจัดรอบเวรการใช้น้ำอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวไปแล้วกว่า 32,000 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 46,000 ไร่ โดยพื้นที่ที่เหลือได้ประกาศขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้ชะลอการเพาะปลูกไว้ก่อน จนกว่าฝนจะตกลงมาตามฤดูกาลปกติ
แม้ภัยธรรมชาติจะอยู่เหนือการคาดการณ์และควบคุม แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน กรมชลประทานจึงทำวิถีทางเพื่อจัดการกับภัยพิบัติให้เป็นระบบและเกิดประสิทธิผลมากที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-น้ำท่วมฉับพลันที่ฝาง ทางขึ้นอ่างขางเกิดดินสไลด์
-'ประยุทธ์' ลงพื้นที่พิษณุโลก-สุโขทัยพรุ่งนี้ ตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม
-น้ำท่วมอ.บ้านไผ่ 100 หลังคาเรือน พิษพายุโพดุล
-นายกฯ เยี่ยมปชช. 'ยโสธร-อุบลฯ' โดนน้ำท่วมจันทร์นี้