สถานการณ์การเมืองในฮ่องกง และ อังกฤษ ผ่อนคลาย หนุนบรรยากาศลงทุนระยะสั้น

สถานการณ์การเมืองในฮ่องกง และ อังกฤษ ผ่อนคลาย หนุนบรรยากาศลงทุนระยะสั้น

เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงยังเป็นปัจจัยที่ต้องตามกันต่อ

ล่าสุด นางแคร์รี แลม หัวหน้าคณะบริหารฮ่องกงยอมถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางการจีนแล้วเมื่อวานนี้ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วง ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลและหนุนดัชนีหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นกว่า 4% ขณะที่ ตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงไทยได้รับอานิสงค์ดังกล่าวไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอติดตามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะยอมถอยด้วยหรือเปล่าจากข้อเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูประบบการเมืองผ่านการจัดเลือกตั้งสากล ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนไม่น่าจะทำให้ได้ และอาจนำไปสู่การสลายชุมนุมก่อนวันชาติจีนที่ 1 ต.ค.

ปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้า และ Brexit มองจำกัด. แม้ว่าจีน-สหรัฐฯ จะยังไม่สามารถกำหนดวันนัดเจรจากันได้ แต่เราเชื่อว่าสถานการณ์ได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้วจากสมมุติฐานที่ทรัมป์น่าจะเริ่มลดความแข็งกร้าวลงและหันหน้าเจรจามากขึ้น (การกำหนดวันเจรจาได้จะส่งบวกต่อจิตวิทยาตลาดในช่วงสั้น) ขณะที่ สถานการณ์ Brexit พรรครัฐบาลของนายบอริส จอห์นสันพ่ายแพ้ถึง 2 ครั้ง ในการประชุมรัฐสภา ทั้งเรื่องกฎหมายป้องกันการแยกตัวโดยไร้ข้อตกลง และ การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่ dead line การแยกตัวอาจต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 63 หากนายจอห์นสันไม่สามารถผลักดันข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาและได้รับการอนุมัติทันวันที่ 31 ต.ค.

ระยะสั้นเรามองหุ้นไทยขึ้นได้ต่อ แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1670-1690 จุด. ทั้งนี้ เราประเมิน SET Index มีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1670-1690 จุด จากปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่ลดความรุนแรงลง ประกอบกับ ความเป็นไปได้ที่กลุ่มธนาคารกลางสำคัญของโลก เช่น FED, ECB จะเดินหน้าเพิ่มความผ่อนคลายด้านนโยบายการเงินต่อเนื่องในการประชุมเดือนนี้ (ECB’s meeting :12 ก.ย., FED’s meeting :18 ก.ย.) อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสุทธิต่อหุ้นของตลาด (EPS62F) ที่ยังถูกปรับลงต่อเนื่องอาจเป็นปัจจัยจำกัดอัพไซด์ตลาด

หุ้นกลุ่มโรงแรมน่าสนใจ รับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากฐานที่ต่ำ / เศรษฐกิจจีนไม่แย่. ตลาดเริ่มหมุนมาเล่นหุ้นกลุ่มโรงแรมมากขึ้น ขานรับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดเติบโตที่ระดับ 7% YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากฐานที่ต่ำในปีก่อน บวกต่อการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ MINT, ERW, CENTEL ขณะที่ เน้นเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน โดยยังเน้นหุ้นที่ Valuation ถูก หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ WHAUP, GUNKUL*, BCPG, EASTW*, BJC*, CPF, TU, GFPT, CPN, NNCL*, MFEC* เป็นต้น // เก็งกำไร นิคมอุตสาหกรรม EHA, AMATA / หุ้นเล็ก AQUA*, EPCO*, VL* / เดินเรือ TTA*, PSL* / การสนับสนุน B10 ดีต่อ GGC, AIE และ EA

ภาพรวมกลยุทธ์: คาดตลาดแกว่งตัว 1645-1680 จุด ไม่หลุด 1630 จุด ยังรักษาโมเมนตัมในการแกว่งขึ้น เน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัว อาทิ โรงกลั่น เดินเรือ // หุ้นแนะนำวันนี้ GGC*, CPN, MINT / เก็งกำไร TTA* (เป้า 7, ตัดขาดทุน 5.60), EPG* (เป้า 8.20, ตัดขาดทุน 7)

แนวรับ 1650-1645 จุด / แนวต้าน : 1665-1680 สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

ผู้ว่าการแบงก์ชาติยืนยัน ศก.ไทยแค่โตชะลอแต่ไม่ถึงขั้นวิกฤติ - นายวีรไท ผู้ว่าการ ธปท. เผยว่าภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีแนวโน้มโตชะลอลงจากปีก่อนจากผลของสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อ แต่มองยังไม่ถึงขั้นเกิดวิกฤติ

BJC - บริษัทปรับลดเป้ายอดขายปี 62 เหลือโตเพียง 4-5% จากเดิมที่ตั้งเป้า 7-9% รับผลกระทบจากยอดขายกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่หดตัวลงหลังลูกค้ารายใหญ่ยกเลิกออเดอร์การผลิต ประกอบกับ ยอดขายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ

PTTGCกลุ่มนักลงทุนสถาบันแห่จองซื้อหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่สูงถึง 5 เท่า ของมูลค่าหุ้นกู้ที่เสนอขายที่ 1 หมื่นล้านบาท (เริ่มออกขายหุ้นกู้เมื่อวันที่ 5 ก.ย.62)

ประเด็นติดตาม: 6 ก.ย.ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ / EU GDP 2Q62

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)