เขียวสดใส

เขียวสดใส

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้นแรง ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ที่ประเทศฮ่องกงเริ่มคลี่คลายลง

นอกจากนี้ ดัชนียังได้แรงหนุนจากกลุ่ม Domestic plays อาทิ CPALL BTS HMPRO DOHOME และ GLOBAL นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะกลับมาซื้อสุทธิกว่า 880 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,658.64 จุด (+16.39 จุด +1%) Volume 6.5 หมื่นลบ. TFEX Net +15,064 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +139 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+จีน-สหรัฐเห็นพ้องจัดประชุมเพื่อเจรจาการค้าต้นเดือนต.ค.ที่กรุงวอชิงตัน

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 237.45 จุด +0.91% ขานรับ Beige Bookระบุว่าศก.สหรัฐขยายตัวปานกลางและภาคธุรกิจมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มศก.แม้เผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้า  สถานการณ์ในฮ่องกงเริ่มคลี่คลาย รวมทั้งดัชนีภาคบริการของจีนที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 2.32 ดอลลาร์ +4.3% ปิด 56.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 3 และดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งจีนเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

+ ISM เผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กในเดือนส.ค. ดีดตัวสู่ระดับ 50.3 จาก 43.5 ในเดือนก.ค. พุ่งสูงสุดรอบ 4 เดือน

+สภาฯอังกฤษไฟเขียวร่างกฎหมายสกัด "no-deal Brexit"ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 4.6 พันลบ. ค่าเงินบาท 30.555 บาท/US

-สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลง แม้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดเกือบ 3 ปี

-มูดี้ส์ชี้สงครามการค้าสหรัฐ-จีนฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก และอาจรุนแรงขึ้นอีก

-กกร. ห่วงศก.ไทยปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าคาด เตรียมทบทวนประมาณการในการประชุมครั้งหน้า และกังวลเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค โดยมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นไปอีกหากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกจะยิ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถการแข่งขันภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย

*จับตาสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย ดัชนีภาคบริการ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อ โดยได้แรงหนุนจากรายงาน Beige Book ของเฟด ที่คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบนักลงทุนคลายความวิตกกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองของฮ่องกงที่เริ่มคลี่คลายลง นอกจากนี้คาดว่าตลาดจะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรง 4.3% คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,655-1,670 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

AU | ปรับราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นสู่ 12.90 บาท (จากเดิม 9.20 บาท)  | “มีมุมมองบวก ภายหลังสถานการณ์ที่ประเทศฮ่องกงคลี่คลาย

(+) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 สู่ 259 ลบ. (เพิ่มขึ้น 32%) +75%YoY  หลังจากที่กำไร 1H62 เท่ากับ 67% ของประมาณการกำไรเดิม ประกอบกับเราคาดว่าผลประกอบการจะได้แรงหนุนจากกลยุทธ์ใหม่ในการเปิดสาขาแบบ Pop-up stores (ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ได้จัดตั้งถาวร) ซึ่งได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี มีรายได้ราว 5-6 หลักต่อสาขาต่อวัน ปัจจุบันมีการตั้งสาขาอยู่ที่ MRT-สวนจตุจักร และ MRT-เพชรบุรี นอกจากนี้ เราคาดว่าผลประกอบการยังได้ผลบวกจากการเข้าสู่ช่วง Economies of Scale

(+) สถานการณ์ความรุนแรงที่ฮ่องกงเริ่มคลี่คลายลง จึงเชื่อว่ากำหนดการเปิดสาขาแรกยังคงเป็นไปตามเดิม คือ ช่วงก่อนวันคริสต์มาส (4Q62) ขณะที่ บริษัทจะมีรายได้จากการขายแฟรนไชส์จาก 3 ส่วน คือ 1) Initial Fee 2) Royalty Fee และ 3) ซื้อวัตถุดิบกับบริษัท โดยมีอายุสัญญา 5 ปี และมีระบุขั้นต่ำในการขยายสาขาไม่น้อยกว่า 5 แห่ง ทั้งนี้ รายได้จากแฟรนไชส์จะเป็นอัพไซต์ของประมาณการกำไรปี 62

(+/-) ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 12.90 บาท (จากเดิม 9.20 บาท) แต่ราคาเหมาะสมยังต่ำกว่าราคาปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุน

หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ERW CENTEL AOT BJC CPALL TNP) หุ้น Domestic Play (ADVANC AMATA EKH SISB HMPRO) เก็งกำไรดัชนี BDI สูงสุดในรอบ 9 ปี (PSL TTA)

หุ้นมีข่าว   

·         (+) JKN (Bloomberg Consensus 11.76 บาทยิ้มแก้มปริขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ซีรีส์ละครไทยจากช่อง 3 ให้ TRA Media บริษัทมีเดียชั้นนำในเกาหลีใต้ นำละครไทยออกอากาศช่อง SMILE Plus และ TVA Plus เป็นที่นิยมอย่างสูงในประเทศเกาหลีใต้ มีฐานคนดูราว 21.6 ล้านครัวเรือน ถือเป็นความสำเร็จในการทำตลาดต่างประเทศอย่างมาก (ที่มา ทันหุ้น)

ความเห็น เป็นการเดินหน้าตามแผนโรดโชว์ขาย content ในต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น และช่วยชดเชยรายได้ของช่องทีวีดิจิตอลที่คืนช่อง  เบื้องต้นเรายังประมาณการรายได้ปี 62 ราว 1,683 ลบ. +18%YoY และคาดการณ์กำไรสุทธิราว 300 ลบ. +32%YoY

·         (-) TPAC จะเพิ่มทุนจำนวน 72.73 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท  จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3.4898 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน กำหนด Record Date 24 ต.ค. วันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 14-15 และ 18-20 พ.ย. 2562 กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2562 ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562  วัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของงบดุลในการนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือหนี้อื่น ๆ ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความพร้อม ในการขยายธุรกิจและการเข้าซื้อกิจการในอนาคต เพิ่มสภาพคล่องของหุ้น และมีคุณสมบัติเรื่องทุนตามหลักเกณฑ์สำหรับการย้ายเข้าซื้อขายในตลาด SET ที่จะต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท (SET NEWS)

·         (+) PTTGC (Bloomberg Consensus 64.02) เดินหน้าลงทุนโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ขนาด 4.5 หมื่นตันต่อปี ทุ่มงบลงทุน 3,000 ล้านบาท ลุยสร้างปีนี้ และคาดเดินเครื่องผลิต เม.ย.64 ส่วนที่โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ คาดชัดเจนต้นปีหน้า (ที่มาข่าวหุ้น)

·         (+) ADVANC (Bloomberg Consensus 229.62) ทำสัญญาระงับข้อพิพาทเสาโทรคมนาคมกับ"ทีโอที" พร้อมเช่าใช้ แลกใช้บริการพื้นที่/บำรุงรักษา เป็นเวลา 10 ปี (ที่มา อินโฟเควส)

·         EPG (Bloomberg Consensus 8.34 บาท)   คาดครึ่งปีหลังปริมาณการขายพุ่ง รับแรงหนุน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก “Aeroflex-Aeroklas-EPP" เติบโตดี แถมได้ปัจจัยบวกราคาน้ำมันดิบลงส่งผลบวกราคาวัตถุดิบลดลง ดันอัตรากำไรขั้นต้นโตทุกไตรมาส ย้ำรายได้ปี 62/63 โต 10% (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         AMANAH (Bloomberg Consensus 3.20 บาท) อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง ไตรมาส 3 กำไรนิวไฮ ล่าสุดสินเชื่อก.ค.โตสุดในรอบ 3 ปี ทั้งปีคาดกำไรโต 41% อยู่ที่ 231 ล้านบาท และมีโอกาสนำสำรองส่วนเกิน 40 ล้านบาทกลับมาเป็นกำไรเพิ่ม ราคายังต่ำกว่าคู่แข่ง เป้าหมาย 3.2 บาท ส่วน 23 ก.ย.นี้เข้า FTSE Micro Cap (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+) NCL (Bloomberg Consensus - บาท) แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรจากจีน ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์ม แตกไลน์สู่ธุรกิจออนไลน์ในอุตสาหกรรมแอร์พอร์ต คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 1/63 เล็งซื้อกิจการธุรกิจระบบน้ำ RO ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังแจ่มรับช่วงไฮซีซั่น นอกจากนี้จ่อเซ็นสัญญาอิสราเอล แอร์ไลน์ ในเดือน ต.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         PTTGC (ราคาเหมาะสม 64.02บาท)   จับมือ ALPLA ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง มูลค่าลงทุนกว่า 3 พันล้านบาท ขนาด 4.5 หมื่นตันต่อปี หวังขายลูกค้าในประเทศและยุโรป แย้มแผนลงทุนปิโตรคอมเพล็กซ์ในสหรัฐคาดสรุปการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายต้นปี 2563 (ที่มา ทันหุ้น)

·         RPH (Bloomberg Consensus 8.10 บาท) คาดรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 15% หลังคนไข้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งชาวไทย-ลาว พร้อมไตรมาส 3/2562 ช่วงไฮซีซันธุรกิจ ผู้ป่วยเข้าใช้บริการแน่น เดินหน้าศึกษาเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์เพิ่ม และแผนปรับปรุงโรงพยาบาลเดิมรองรับคนไข้ (ที่มา ทันหุ้น)

·         CMAN (Bloomberg Consensus 2.24 บาท) เปรยไตรมาส 3/2562 ผลงานมีแววพลิกเป็นบวก จากช่วง Q2/2562 ที่ติดลบราว 8 ล้านบาท รับออเดอร์ฟื้นตัว-ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษกดดัน แถมยืนเป้าปี 2562 รายได้โต 5% จากปีก่อน หลังรุกทำตลาดลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง แถมจ่อรับทรัพย์เหมืองปูนใหม่เวียดนามช่วงไตรมาส 4 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)