'อนุทิน' สั่งทบทวนประกาศ 'กัญชง' หลังมีผลบังคับใช้แค่ 5 วัน

'อนุทิน' สั่งทบทวนประกาศ 'กัญชง' หลังมีผลบังคับใช้แค่ 5 วัน

“อนุทิน” สั่งทบทวนประกาศคกก.ยาเสพติด หลังมีผลบังคับใช้แค่ 5 วัน เหตุภาคประชาชนรุมอัดไม่ปลื้มกำหนดเมล็ดพันธุ์ต้องมีทีเอชซีไม่เกิน 0.3 %เท่านั้น มอบปลัดสธ.เร่งหารือ ย้ำประกาศแก้ได้หากไม่ครอบคลุม

จากกรณีที่ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่องกำหนดลักษณะกัญชง (Hemp) พ.ศ.2562 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2562 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2562 ซึ่งมีการกำหนดว่ากัญชงที่ไม่ถือเป็นยาเสพติดประเภท 5 ในใบและช่อดอกมีปริมาณสารทีเอชซีไม่เกิน 0.5 % และเมล็ดพันธุ์รับรองที่จะใช้ในการปลูก ต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีทีเอชซีไม่เกิน 0.3 % แต่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมออนไลน์อย่างมาก โดยเฉพาะเครือข่ายประชาสังคมเพื่อการแพทย์สำหรับประชาชน ที่ต้องการให้มีการทบทวนประกาศโดยให้กำหนดปริมาณทีเอชซีไว้เป็นช่วง คือ 0.2-1% เพื่อให้มีการเปิดกว้างต่อการพัฒนาสายพันธุ์กัญชงในประเทศไทยนั้น ทั้งนี้ สารทีเอชซีเป็นสารที่มีอยู่ในกัญชาและกัญชงซึ่งมีฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและทำให้เกิดการติด


ล่าสุดวันนี้ (4 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวว่า เรื่องกัญชง ที่กลัวว่าจะไปเอื้อกลุ่มทุน จากที่ในประกาศคณะกรรมการยาเสพติดนกำหนดให้เมล็ดพันธุ์รับรองที่จะใช้ปลูกต้องมีสารทีเอชซีน้อยกว่า 0.3 % แต่มีข้อเสนอให้กลับไปกำหนดที่ 1 % ตามเดิมนั้น เพื่อให้มีช่องว่างให้ประชาชนเข้าถึงได้ เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.เร่งหารือกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อทบทวนและแก้ไขประกาศดังกล่าวได้หรือไม่


ผู้สื่อข่าวถามว่า เสนอขอแก้ไขประกาศฯหลังจากมีผลบังคับใช้ 5 วันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เห็นเป็นไร ทำได้หากกฎหมายหรือประกาศนั้นยังไม่ครอบคลุม และเพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึง


“ส่วนกรณีการผลิตสารสกัดจากกัญชาที่ มีทั้งแบบแพทย์พื้นบ้าน แบบโมเดิร์น แบบเมดิคัลเกรด มีหลายอย่าง หากกำหนดว่าสารสกัดจะต้องมีทีเอชซีไม่เกิน 0.2 % แล้วจะทำให้ต้นทุนสูง ก็น่าจะขยายปริมาณทีเอชซีได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งผมทำตรงนี้ขอยืนยันว่า ไม่ได้เอาใจใคร แค่เอาให้ผลสำเร็จพอ”นายอนุทินกล่าว


เมื่อถามว่าหากปรับสัดส่วนจะส่งผลต่อการส่งออกหรือไม่ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกหรือฮู(WHO) มีแนวโน้มจะกำหนดสารทีเอชซีต้องไม่เกิน 0.2% นายอนุทิน กล่าวว่า อยากส่งออกก็ทำให้ไม่เกิน 0.2 % ก็ยังอยู่ในกรอบและการดำเนินการควบคุมในมาตรฐานที่จะมีการส่งออก
ต่อข้อถามจะมีการทบทวนและปรับแก้ประกาศในส่วนไหนอย่างไร นพ.สุขุม กล่าวว่า ทุกอย่างยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก จะเร่งหารือกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษโดยเร็วที่สุดซึ่งก็มีวาระการประชุมอยู่แล้ว


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า รองนายกฯ และรมว.สธ.ได้มอบหมายให้นำข้อมูลทางวิชาการและข้อมูลในพื้นที่ที่มีการเสนอให้กำหนดปริมาณทีเอชซีเป็นช่วง ซึ่งหากใครจะปลูกเพื่อส่งออก ก็ทำตามมาตรฐาน 0.2% เป็นต้น