อ่อนตัวตามปัจจัยภายนอก

อ่อนตัวตามปัจจัยภายนอก

คาดดัชนีจะมีสลับเด้งรีบาวด์จากความคาดหวังการประชุม ECB และ Fed ในช่วงกลางเดือนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อรองรับเศรษฐกิจชะลอตัว

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index วานนี้ปิดลง -11.86 จุด (-0.72%) ปิดที่ระดับ 1,642 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.1 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit รวมถึงความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยังไม่สามารถกำหนดวันประชุมได้ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกหดตัวลง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1,541 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 526 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 3,979 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นกลาง-ลบคาด SET ย่อตัวลงทดสอบ 1,635 - 1,640 จุด เนื่องจากความกังวลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนรอบใหม่ที่ยังไม่สามารถกำหนดวันที่ชัดเจนได้ รวมถึงกระบวนการ Brexit ที่ไม่แน่นอน นอกจากนี้ผลกระทบ Trade war ยังกดดันให้ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือนส.ค.ลงต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 49.1 บ่งบอกถึงภาวะหดตัว อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจะเป็นตัวถ่วงต่อกลุ่มพลังงานและภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะมีสลับเด้งรีบาวด์จากความคาดหวังการประชุม ECB และ Fed ในช่วงกลางเดือนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อรองรับเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงความคาดหวังครม.เศรษฐกิจจะพิจารณาแผนกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติมในวันศุกร์นี้ (6 ก.ย.) ซึ่งหนุนต่อทิศทางการลงทุนในช่วงถัดไป

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA ) ค่าระวางขึ้นทำ High ในรอบ 9 ปีล่าสุด 2,501 จุด
  • กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  บอร์ด EEC เตรียมนำร่างผังใช้ประโยชน์ที่ดินใน EEC เข้าครม. และคาดครม.เศรษฐกิจจะพิจารณาแผนกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติมในวันศุกร์นี้ (6 ก.ย.)
  • หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : CKP (ปิด 6.55 ซื้อ/เป้า สูงสุด Bloomberg Consensus 6.7) เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากฝนตกหนักเพราะมีรายได้หลักมาจากการผลิตไฟฟ้าเขื่อนพลังน้ำ ด้านผลประกอบการคาดกำไรสุทธิจะทยอยเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 3Q19 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น และ 4Q19 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีในประเทศลาวเข้ามาเป็นไตรมาสแรก ซึ่งบริษัทจะเริ่ม COD อย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค.19 เป็นต้นไป, JMT (ปิด 17.7 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 24) ราคาหุ้นปรับตัวลงเนื่องจากระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แต่เป็นโอกาสสะสมเนื่องจากแนวโน้มกำไรจะยังพุ่งทำ All time high ได้ทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี

KSS report วันนี้: INTUCH (ปิด 65.25 ซื้อ/เป้า 82)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

  • (-) ISM 503285 สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน ส.ค.ลดลงสู่ระดับ 49.1 จาก 51.2 ในเดือน ก.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 51.1 และนับเป็นการลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาคการผลิตที่หดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2016 หรือหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ภาคการผลิตที่หดตัวสร้างความกังวลให้กับตลาดถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 285 จุด (-1.08%) ปิดที่ระดับ 26,118 จุด
  • (-) WTI 1.16OPEC ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.16 ดอลลาร์ (-2.1%) ปิดที่ 53.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 1) OPEC ผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 80,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. สู่ระดับ 29.6 ล้านบาร์เรล นับเป็นการเพิ่มการผลิตเป็นครั้งแรกของปีนี้, 2) ผิดหวังตัวเลขดัชนีภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐ โดย ISM รายงานดัชนีภาคการผลิตเดือน ส.ค.ลดลงสู่ระดับ 49.1 จาก 51.2 ในเดือน ก.ค. นับเป็นการลดลงต่ำกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และ 3) ยังวิตกกังวลกับ Trade war จีนกับสหรัฐที่รุนแรงขึ้น หลังมาตรการเรียกเก็บภาษีรอบใหม่ของทั้ง 2 ประเทศเริ่มมีบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.19 ที่ผ่านมา
  • (-) EU No deal: การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นอีกปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนาน ล่าสุด โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง (No deal) เพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 20% และลดความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะไม่ออกจาก EU ลงสู่ระดับ 30% จาก 35% เป็นผลจากการที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี สั่งพักสมัยการประชุมไปเป็นเวลา 1 เดือน